ข่าวประชาสัมพันธ์
PET แข็งแกร่ง ดันยอดขายทั่วโลก กำไรเพิ่มจากไตรมาสแรก 18% สำหรับผลิตภัณฑ์รวม
กรุงเทพฯ – 8 สิงหาคม 2556 - บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือไอวีแอล ผู้ผลิตในห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์แบบครบวงจรชั้นนำระดับโลก แจ้งผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2556 (Q2/2556) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9จากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว (Q2/2555) การฟื้นตัวในเอเชียช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาส่งผลต่อกำไร โดยบริษัทฯ มีกำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (core EBITDA) อยู่ที่ 144 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นจาก 93 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 (Q1/2556) แม้ว่าจะยังต่ำกว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2555 (Q2/2555) ร้อยละ 4 ซึ่งมี core EBITDAอยู่ที่ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลมาจากผลผลิตที่ลดลงตามแผนการหยุดการผลิตของโรงงานไกลคอลในสหรัฐอเมริกา
“เราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวหลังผ่านช่วงขาลงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเรา” นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าว “กลยุทธ์ที่เน้นการมีต้นทุนต่ำและสร้างความแตกต่าง ส่งผลให้เรามีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งดีกว่าบริษัทอื่นๆที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน”
“ความผันผวนของราคายังคงมีอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากราคาของพาราไซลีนและ MEG ซึ่งเป็นวัตถุดิบของเรา ที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 12 ในไตรมาสที่ 2เทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ส่งผลให้เกิดการขาดทุนจากมูลค่าสินค้าคงเหลือเป็นจำนวน 38 ล้านเหรียญสหรัฐ ในทางบวกเรามองธุรกิจ PTA ว่ากำลังมีการฟื้นตัว รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม(High Value Added - HVA)และธุรกิจ PET ที่กำไรมีการปรับตัวดีขึ้น” นายโลเฮียกล่าว
ธุรกิจของบริษัทในอเมริกาเหนือยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ แม้ว่าจะมีการหยุดการผลิตของโรงงานไกลคอลในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 2 เดือน เพื่อเปลี่ยน catalyst ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนในทุก 2-3 ปี บริษัทฯ มีกำไรเงินสดปานกลางอยู่ที่ 75ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การขาดทุนจากสินค้าคงเหลือจำนวน 38 ล้านเหรียญสหรัฐ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 8 ล้านเหรียญสหรัฐจากการอ่อนตัวของค่าเงินบาท แต่จากประสบการณ์ของเรา เราเรียนรู้ว่า สิ่งสำคัญ คือ การดำเนินงานหลัก ซึ่งเรายังคงมีความแข็งแกร่ง” นายโลเฮีย กล่าว “เราคาดว่า รายได้จะมีการปรับตัวดีขึ้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและกลยุทธ์การดำเนินงานด้วยต้นทุนต่ำ ส่งผลให้มีกำไรเพิ่มขึ้นภายใต้ต้นทุนค่าขนส่งที่ดีที่สุด”
ฝ่ายบริหารมีความมุ่งมั่นในการพลิกธุรกิจร่วมทุนให้กลับมาทำกำไร โดย Trevira บริษัทย่อยในประเทศเยอรมันสามารถทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในในไตรมาสที่ 2 ปี 2556 (Q2/2556)ภายใต้การบริหารงานของไอวีแอล ในครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทฯ คาดว่า จะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากผลของโครงการปฏิบัติงานเพื่อความเป็นเลิศที่เกิดขึ้น รวมทั้งโรงงานผลิตโพลีเอสเตอร์แห่งใหม่ในประเทศอินโดนีเซียที่จะเริ่มดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนของไอวีแอลอย่างชัดเจน ในยุโรป บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการขยายกำลังการผลิต PTA ในเมือง Rotterdamและการปรับปรุงกำลังการผลิตของโรงงานในโปแลนด์ โครงการเหล่านี้คาดว่า จะส่งผลให้ไอวีแอลเป็นหนึ่งในบริษัทฯที่มีความได้เปรียบด้านต้นทุนในภูมิภาคยุโรป
“เรามีเป้าหมายในการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มกระแสเงินสด ในขณะเดียวกันมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือให้แก่ลูกค้า” นายโลเฮีย กล่าวเสริม “เรามีการพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกที่เกิดขึ้นในตลาด เช่น การที่ผู้ผลิตในเอเชียมีวินัยมากยิ่งขึ้น เราพอใจที่กลยุทธ์ของเราส่งผลให้เห็น คณะกรรมการมีมติจ่ายเงินปันผลในครึ่งปีแรกของปี 2556 อยู่ที่ 0.14 บาทต่อหุ้น หรือ 22 ล้านเหรียญสหรัฐ”
*หมายเหตุ:ตัวเลขในไตรมาสที่ 2 ปี 2555หลังจากการปรับงบการเงิน
“เราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวหลังผ่านช่วงขาลงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเรา” นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าว “กลยุทธ์ที่เน้นการมีต้นทุนต่ำและสร้างความแตกต่าง ส่งผลให้เรามีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งดีกว่าบริษัทอื่นๆที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน”
“ความผันผวนของราคายังคงมีอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากราคาของพาราไซลีนและ MEG ซึ่งเป็นวัตถุดิบของเรา ที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 12 ในไตรมาสที่ 2เทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ส่งผลให้เกิดการขาดทุนจากมูลค่าสินค้าคงเหลือเป็นจำนวน 38 ล้านเหรียญสหรัฐ ในทางบวกเรามองธุรกิจ PTA ว่ากำลังมีการฟื้นตัว รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม(High Value Added - HVA)และธุรกิจ PET ที่กำไรมีการปรับตัวดีขึ้น” นายโลเฮียกล่าว
ธุรกิจของบริษัทในอเมริกาเหนือยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ แม้ว่าจะมีการหยุดการผลิตของโรงงานไกลคอลในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 2 เดือน เพื่อเปลี่ยน catalyst ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนในทุก 2-3 ปี บริษัทฯ มีกำไรเงินสดปานกลางอยู่ที่ 75ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การขาดทุนจากสินค้าคงเหลือจำนวน 38 ล้านเหรียญสหรัฐ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 8 ล้านเหรียญสหรัฐจากการอ่อนตัวของค่าเงินบาท แต่จากประสบการณ์ของเรา เราเรียนรู้ว่า สิ่งสำคัญ คือ การดำเนินงานหลัก ซึ่งเรายังคงมีความแข็งแกร่ง” นายโลเฮีย กล่าว “เราคาดว่า รายได้จะมีการปรับตัวดีขึ้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและกลยุทธ์การดำเนินงานด้วยต้นทุนต่ำ ส่งผลให้มีกำไรเพิ่มขึ้นภายใต้ต้นทุนค่าขนส่งที่ดีที่สุด”
ฝ่ายบริหารมีความมุ่งมั่นในการพลิกธุรกิจร่วมทุนให้กลับมาทำกำไร โดย Trevira บริษัทย่อยในประเทศเยอรมันสามารถทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในในไตรมาสที่ 2 ปี 2556 (Q2/2556)ภายใต้การบริหารงานของไอวีแอล ในครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทฯ คาดว่า จะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากผลของโครงการปฏิบัติงานเพื่อความเป็นเลิศที่เกิดขึ้น รวมทั้งโรงงานผลิตโพลีเอสเตอร์แห่งใหม่ในประเทศอินโดนีเซียที่จะเริ่มดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนของไอวีแอลอย่างชัดเจน ในยุโรป บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการขยายกำลังการผลิต PTA ในเมือง Rotterdamและการปรับปรุงกำลังการผลิตของโรงงานในโปแลนด์ โครงการเหล่านี้คาดว่า จะส่งผลให้ไอวีแอลเป็นหนึ่งในบริษัทฯที่มีความได้เปรียบด้านต้นทุนในภูมิภาคยุโรป
“เรามีเป้าหมายในการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มกระแสเงินสด ในขณะเดียวกันมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือให้แก่ลูกค้า” นายโลเฮีย กล่าวเสริม “เรามีการพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกที่เกิดขึ้นในตลาด เช่น การที่ผู้ผลิตในเอเชียมีวินัยมากยิ่งขึ้น เราพอใจที่กลยุทธ์ของเราส่งผลให้เห็น คณะกรรมการมีมติจ่ายเงินปันผลในครึ่งปีแรกของปี 2556 อยู่ที่ 0.14 บาทต่อหุ้น หรือ 22 ล้านเหรียญสหรัฐ”
*หมายเหตุ:ตัวเลขในไตรมาสที่ 2 ปี 2555หลังจากการปรับงบการเงิน