ข่าวประชาสัมพันธ์
อินโดรามา เวนเจอร์ส เสร็จสิ้นการซื้อกิจการจากอินวิสต้าและเอสเค เคมิคอล สินทรัพย์ในอเมริกา, เม็กซิโก, อินโดนีเซียและโปแลนด์เสริมความแข็งแกร่ง ในห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์ระดับโลก
กรุงเทพฯ - 3 มีนาคม 2554 - บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ผู้นำการผลิตในอุตสาหกรรมห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์แบบครบวงจรระดับโลก ประกาศการสิ้นสุดสองข้อตกลงการซื้อกิจการที่ได้ประกาศไปแล้วเมื่อปลายปี 2553 ในเดือนพฤศจิกายน 2553 IVLดำเนินการซื้อกิจการจาก INVISTA ซึ่งมีกิจการเม็ดพลาสติกและเส้นใยโพลีเอสเตอร์สังเคราะห์สั้น (Polyester Staple) ตั้งอยู่ที่ สปาร์แทนบรู๊ก (Spartanburg) เซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกาและในเกเรตาโร (Querétaro) ประเทศเม็กซิโก โดยข้อตกลงนี้ได้เสร็จสิ้นลงและบริษัทเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ โรงงานทั้งสองแห่งนี้ผลิต PET หลายหลายรูปแบบ รวมทั้งเส้นใยสังเคราะห์ชนิดพิเศษ, ไฟเบอร์และฟิล์ม โดยโรงงานใน Spartanburg มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 470,000 ตันต่อปีและ 535,000 ตันต่อปีสำหรับโรงงานใน Querétaro อินโดรามา เวนเจอร์สเชื่อว่าการควบรวมกิจการในครั้งนี้จะสร้างโอกาสในการเพิ่มมูลค่า ให้กับผู้ถือหุ้นและช่วยเสริมกลยุทธ์ของบริษัทในการที่จะขยายธุรกิจเข้าสู่ ตลาดใหม่ในแถบอเมริกากลางและลาตินอเมริกาที่มีการเติบโตสูง การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในโรงงานจะช่วยให้ IVL สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมให้แก่ลูกค้าได้
การซื้อกิจการอื่นๆ ที่เสร็จสิ้นแล้ว ได้แก่ บริษัทเอสเค ยูโรเคม จำกัด (SK Eurochem Sp. z o.o.) ประเทศโปแลนด์ของ บริษัท เอสเค เคมิคอล จำกัด ประเทศเกาหลี และบริษัทย่อย คือ บริษัท พี ที เอสเค กริช จำกัด (PT SK Keris) และ บริษัท พี ที เอสเค ไฟเบอร์ จำกัด (PT SK Fiber) ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งการซื้อกิจการนี้ได้ประกาศเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2553 โดยเอสเค ยูโรเคม ประเทศโปแลนด์เป็นผู้ผลิต PET ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 140,000 ตันต่อปี ในขณะที่ พี ที เอสเค กริช อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิต PET และเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 160,000 ตันต่อปีและบริษัท พี ที เอสเคไฟเบอร์ อินโดนีเซียมีกำลังการผลิตเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ 36,000 ตันต่อปี การเข้าซื้อกิจการในโปแลนด์จะเป็นการผนวกเข้ากับผู้ขายปัจจัยผลิต PTA (Third party supplier) จะช่วยส่งเสริมโครงสร้างต้นทุนต่ำให้แก่บริษัท
นายอาลก โลเฮีย ประธานบริหารกลุ่มบริษัท กล่าวว่า "การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์เส้นใย สังเคราะห์ชนิดพิเศษและไฟเบอร์ให้แก่ลูกค้าในเอเซียและอเมริกา การเข้าสู่ตลาดลาตินอเมริกามีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นการเข้าสู่เศรษฐกิจเกิดใหม่หลายแห่งเป็นครั้งแรก เราจะมีศูนย์วิจัยและพัฒนาที่จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์, นำเสนอทรัพย์สินทางปัญญาและผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะไปยังกลุ่มลูกค้าที่มาก ขึ้น การขยายกิจการไปยังเอเซียตะวันออกเฉียงใต้จะครอบคลุมพื้นที่บริเวณหมู่เกาะ ในอินโดนีเซีย ส่วนในโปแลนด์จะช่วยให้เราสามารถเข้าสู่ตลาดยุโรปตะวันออก ซึ่งเรามองว่าเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างมากในอนาคต"
"ด้วยสินทรัพย์เหล่านี้ IVL จะเป็นผู้ผลิตพีอีที เรซิ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้นำในห่วงโซ่ธุรกิจโพลีเอสเตอร์" นายอาลก กล่าว
การซื้อกิจการอื่นๆ ที่เสร็จสิ้นแล้ว ได้แก่ บริษัทเอสเค ยูโรเคม จำกัด (SK Eurochem Sp. z o.o.) ประเทศโปแลนด์ของ บริษัท เอสเค เคมิคอล จำกัด ประเทศเกาหลี และบริษัทย่อย คือ บริษัท พี ที เอสเค กริช จำกัด (PT SK Keris) และ บริษัท พี ที เอสเค ไฟเบอร์ จำกัด (PT SK Fiber) ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งการซื้อกิจการนี้ได้ประกาศเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2553 โดยเอสเค ยูโรเคม ประเทศโปแลนด์เป็นผู้ผลิต PET ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 140,000 ตันต่อปี ในขณะที่ พี ที เอสเค กริช อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิต PET และเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 160,000 ตันต่อปีและบริษัท พี ที เอสเคไฟเบอร์ อินโดนีเซียมีกำลังการผลิตเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ 36,000 ตันต่อปี การเข้าซื้อกิจการในโปแลนด์จะเป็นการผนวกเข้ากับผู้ขายปัจจัยผลิต PTA (Third party supplier) จะช่วยส่งเสริมโครงสร้างต้นทุนต่ำให้แก่บริษัท
นายอาลก โลเฮีย ประธานบริหารกลุ่มบริษัท กล่าวว่า "การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์เส้นใย สังเคราะห์ชนิดพิเศษและไฟเบอร์ให้แก่ลูกค้าในเอเซียและอเมริกา การเข้าสู่ตลาดลาตินอเมริกามีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นการเข้าสู่เศรษฐกิจเกิดใหม่หลายแห่งเป็นครั้งแรก เราจะมีศูนย์วิจัยและพัฒนาที่จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์, นำเสนอทรัพย์สินทางปัญญาและผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะไปยังกลุ่มลูกค้าที่มาก ขึ้น การขยายกิจการไปยังเอเซียตะวันออกเฉียงใต้จะครอบคลุมพื้นที่บริเวณหมู่เกาะ ในอินโดนีเซีย ส่วนในโปแลนด์จะช่วยให้เราสามารถเข้าสู่ตลาดยุโรปตะวันออก ซึ่งเรามองว่าเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างมากในอนาคต"
"ด้วยสินทรัพย์เหล่านี้ IVL จะเป็นผู้ผลิตพีอีที เรซิ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้นำในห่วงโซ่ธุรกิจโพลีเอสเตอร์" นายอาลก กล่าว