ข่าวประชาสัมพันธ์
RECO Collective 2025: เฉลิมฉลอง 6 แบรนด์ SME ผู้นำการเปลี่ยนแปลงสู่นวัตกรรมสินค้าหมุนเวียน

กรุงเทพฯ 13 มีนาคม 2568 – บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ภูมิใจประกาศความสำเร็จของโครงการ RECO Collective 2025 ที่ปิดฉากอย่างสวยงาม ด้วยการจัดงาน Final Show ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ณ Gaysorn Urban Resort กรุงเทพฯ โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของ 6 แบรนด์ SME ที่โดดเด่น ซึ่งได้นำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ ตอกย้ำถึงบทบาทของแบรนด์เหล่านี้ในการกำหนดอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
งาน RECO Collective 2025 Final Show มุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาตลอดระยะเวลา 5 เดือนของโครงการ ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความคิดสร้างสรรค์ โดยภายในงานได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์ของ 6 แบรนด์ SME ที่โดดเด่น ที่สามารถผสานความยั่งยืนเข้ากับศักยภาพในการทำตลาดเชิงพาณิชย์ได้อย่างลงตัว ได้แก่
- Mobella – แบรนด์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความเป็นไทย นำเสนอคอลเลคชัน ‘ZERO’ ซึ่งเป็นนิยามใหม่ของเฟอร์นิเจอร์แบบ zero-waste ที่ผลิตมาจากวัสดุรีไซเคิล PET (rPET) 100% โดยผสานงานหัตถศิลป์ไทยแบบดั้งเดิม เข้ากับแนวคิดความยั่งยืนสมัยใหม่
- Anew.Craft.Studio – ด้วยการผสานงานฝีมือไม้สักแบบดั้งเดิมเข้ากับดีไซน์สมัยใหม่ แบรนด์นี้ใช้เทคนิค Shou Sugi Ban ในการสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ด้วยดีไซน์เฉพาะตัว มีความทนทาน โดยใช้วัสดุเหลือทิ้งน้อยที่สุด
- Daybreak – การนำเสนอรองเท้าไลฟ์สไตล์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งผลิตจากเส้นใยป่านธรรมชาติ แบรนด์นี้ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งผสมผสานเส้นทางมรดกของการเดินป่าเข้ากับความอเนกประสงค์ที่ทันสมัย
- Endless Holiday – คอลเลคชัน ‘Very Endless Holiday’ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการแฟชั่นที่ยั่งยืน โดยผสมผสานลายพิมพ์ที่เป็นเอกลักษณ์ โทนสีสันที่สดใส และวัสดุที่เป็นนวัตกรรม
- tISI – คอลเลคชัน ‘VANCANS’ ของแบรนด์นี้ ผสมผสานผ้าจากเส้นใย rPET เข้ากับงานทอผ้าพื้นเมือง ช่วยให้มั่นใจว่า ความยั่งยืนนั้นทั้งมีสไตล์และใช้งานได้จริง
- KH EDITIONS – ด้วยคอลเลคชัน ‘SIAM ISLAND’ แบรนด์นี้ได้ผสมผสานเทคนิคงานฝีมือและอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์การผสมผสานระหว่างศิลปะและแฟชั่น ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากทิวทัศน์ชายฝั่งของประเทศไทย
การริเริ่มโครงการ RECO Collective 2025 มาจากความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนความยั่งยืนให้กลายเป็นความได้เปรียบทางธุรกิจ โดยสนับสนุนแบรนด์น้องใหม่เหล่านี้ด้วยแหล่งทรัพยากร การให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และการสร้างเครือข่ายในอุตสาหกรรม โครงการนี้ส่งเสริมให้บริษัทแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และของตกแต่งบ้าน นำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ โดยเฉพาะเส้นใย PET รีไซเคิล (rPET) ที่มาจากขวด PET โครงการริเริ่มนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของการออกแบบหมุนเวียน (circular design) การผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับความสามารถในการสร้างผลกำไร และการวางตำแหน่งให้ SMEs เป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่โมเดลการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
นางอาราธนา โลเฮีย ชาร์มา รองประธานบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า "โครงการ RECO Collective ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแสดงผลงานเท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการลงมือทำ โดยการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับพลังของการรีไซเคิลและการเปลี่ยนแปลง เรากำลังทำให้ความทะเยอทะยานนี้กลายเป็นความจริง ภารกิจของเราคือการส่งเสริมให้ SMEs ในท้องถิ่นสามารถนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนเองได้ ช่วยให้พวกเขาขยายธุรกิจได้ ขณะเดียวกันก็ผนวกความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์การเติบโตของตนเอง"
RECO Incubation Lab คือ หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของ RECO Collective โดยเป็นโปรแกรมการฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแบบเข้มข้นเป็นเวลา 2 วัน โดยมอบข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจอันมีคุณค่า และกรณีศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมให้กับ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีพันธมิตรอย่างเป็นทางการของ RECO Collective อาทิ Jaspal Group และ Ecotopia ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจค้าปลีก Thai Taffeta แบ่งปันความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการจัดหาวัสดุที่ยั่งยืน Dapper นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์อีคอมเมิร์ซ และ Gaysorn Amarin ให้คำแนะนำแบรนด์ต่างๆ เกี่ยวกับการวางตำแหน่งแบรนด์ลักชัวรี
RECO Collective 2025 กำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิทัศน์ทางธุรกิจ โดยทำให้แนวคิดการหมุนเวียน (circularity) ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม ผ่านการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ ความร่วมมือด้านค้าปลีก และการมุ่งเน้นความยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจ ทั้งนี้ อินโดรามา เวนเจอร์ส กำลังส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมกับผลักดันการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน PET และโพลีเอสเตอร์ที่ยั่งยืนในระยะยาว