• Huntsman เป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจออกไซด์ (EOs) แบบบูรณาการและอนุพันธ์เอทิลีนออกไซต์ (EOD) ที่มีฐานการผลิตขนาดใหญ่และมีการลงทุนบริเวณพื้นที่ชายฝั่งสหรัฐอเมริกา รวมทั้งในประเทศอินเดียและออสเตรเลีย
  • การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ช่วยส่งเสริมกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจออกไซต์แบบบูรณาการและธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษของไอวีแอลให้แข็งแกร่ง รวมทั้งเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มในกลุ่ม EODs และอนุพันธ์โพรพิลีนออกไซด์
  • การซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยขยายขอบเขตความเชี่ยวชาญของไอวีแอลในด้านการดำเนินธุรกิจออกไซด์แบบบูรณาการบริเวณพื้นที่ชายฝั่งสหรัฐอเมริกา ผ่านความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ขนาดธุรกิจระดับโลก ตลอดจนการสร้างความแตกต่างทางธุรกิจและเทคโนโลยี
  • ราคาซื้อคำนวณจากมูลค่าสุทธิของกิจการที่ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และภาระผูกพันเงินบำนาญรอตัดบัญชีจำนวนไม่เกิน 76 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็น EV/EBITDA 5.7* เท่า ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถของไอวีแอลในการบรรลุเป้าหมายการสร้างการเติบโตของ core EBITDA เป็น 2 เท่าในปี 2566
  • ธุรกิจที่เข้าซื้อนั้นเป็นธุรกิจที่ทำกำไร มีการเติบโต และโดดเด่นแตกต่างจากธุรกิจโอเลฟินส์อื่นๆในอุตสาหกรรม โดยมีมูลค่าซื้อต่ำกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับต้นทุนการสร้างโรงงานใหม่ จึงถือเป็นการเข้าซื้อกิจการที่เปลี่ยนเกมธุรกิจของไอวีแอล และเป็นการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท และเป็นหนึ่งในการซื้อกิจการโดยบริษัทไทยที่มีมูลค่าสูงสุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
  • การลงทุนนี้ทำให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มประกอบการเต็มรูปแบบ และผลประโยชน์ที่เกื้อกูลกันจะช่วยเพิ่ม EBITDA จากสินทรัพย์เหล่านี้ ปีละ 100 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2565 ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะทำให้กำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) ของบริษัท เสมือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากปี 2561

8 สิงหาคม 2562 กรุงเทพฯ ประเทศไทย

อีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญของอินโดรามา เวนเจอร์ส

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกของประเทศไทย บรรุลความสำเร็จอีกขั้นตามแผนการเติบโตด้วยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ซึ่งมีความเหมาะสมกับกลุ่มธุรกิจเอทิลีนออกไซต์แบบบูรณาการและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษที่มีการเติบโต กิจการที่เข้าซื้อของบริษัท Huntsman นี้เป็นผู้นำในธุกริจเอทิลีนออกไซต์และอนุพันธ์โพรพิลีนออกไซด์ มีรายได้ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) อยู่ที่ร้อยละ 18 ในปี 2561

การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ส่งผลให้ไอวีแอลมีกลุ่มธุรกิจที่มีความสมดุล ประกอบด้วยธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความเกี่ยวเนื่องกันและมีการบูรณาการในตลาดที่มีความเฉพาะระดับโลก และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่ผันตามเศรษฐกิจ รองรับความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค โดยเป็นตลาดที่มีการเติบโตในประมาณร้อยละ 5 ไอวีแอลจึงเป็นผู้นำตลาดอย่างแท้จริง ถือครองที่หนึ่งหรือสองในตลาดที่เป็นธุรกิจเป้าหมายในภูมิภาคที่คัดสรรแล้ว

การทำธุรกรรมนี้ใช้เงินทุนจากกระแสเงินสดภายในและการจัดหาเงินกู้โดยไม่กระทบส่วนของผู้ถือหุ้น ส่งผลให้โมเดลทางธุรกิจของไอวีแอลนั้นมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอย่างชัดเจนและมั่นคง โดยมีแหล่งรายได้มาจากหลายหลายแหล่ง ทำให้ไอวีแอลเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์เพิ่มเติมให้แก่ไอวีแอล

การเข้าซื้อกิจการดังกล่าว คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2562 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการขออนุมัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

วิสัยทัศน์ที่เป็นจริง

นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวถึงการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ว่า “การซื้อกิจการในครั้งนี้ถือเป็นการขับเคลื่อนบริษัทสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ระดับโลกที่มีความหลากหลายและมีรายได้จากหลายกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกัน ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสิ่งที่เราพยายามสร้างในโมเดลทางธุรกิจของไอวีแอล โดยเน้นการให้บริการในตลาดที่มีการเติบโตสูง ยืดหยุ่นและไม่ผันตามเศรษฐกิจ มีการบูรณาการเพื่อให้บริการภายในห่วงโซ่ปลายน้ำ มีผู้บริหารที่มากด้วยความสามารถ เป็นเจ้าของและมีสิทธ์ขาดในเทคโนโลยี รวมทั้งทรัพย์สินทางปัญญา การรวมกันของสินทรัพย์เอทิลีนออกไซต์ที่มีการบูรณาการ 2 แห่ง ซึ่งโดยหลักแล้วเป็นการผลิตเอทิลีนออกไซต์และอนุพันธ์โพรพิลีนออกไซต์เพื่อการบริโภคภายใน จะช่วยเร่งการเติบโตของรายได้ด้วยการใช้งานในผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันที่มีกำไรเพิ่มขึ้น ตลอดจนช่วยเสริมความแข็งแกร่งของไอวีแอลทั้งกับลูกค้าปัจจุบันและในอนาคต เรามีความยินดีที่จะต้อนรับเพื่อนร่วมงานใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถ ส่งผลให้เรามีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผมมั่นใจว่า ธุรกิจที่มีความสำคัญนี้จะขับเคลื่อนมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของเราทุกฝ่ายและตอกย้ำโอกาสในการสร้างการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่องในปีถัดๆไป”

นาย Peter Huntsman ประธาน ผู้บริหารสูงสุดและซีอีโอกล่าว “สำหรับอินโดรามา เวนเจอร์ส การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นการเข้าซื้อธุรกิจ EO/PO ที่มีความแข็งแกร่ง พร้อมพนักงานและผู้บริหารที่มากด้วยประสบการณ์ ซึ่งนับเป็นโอกาสในการพัฒนาของอินโดรามา เวนเจอร์สด้วยการได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า 100 ชนิดและลูกค้าเพิ่มเติมนับพัน Huntsman จะยังคงร่วมงานกับอินโดรามา เวนเจอร์สอย่างต่อเนื่องในฐานะลูกค้าและพันธมิตรผู้ผลิตผ่านการจัดสรรเชิงพาณิชย์ในระยะยาว ซึ่งรวมถึงการส่งมอบโพรพิลีนออกไซต์

บริษัทเรารอคอยโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาวกับไอวีแอล ซึ่งผมไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับสัมพันธภาพนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเชื่อใจและมิตรภาพที่ผมมีต่อคุณอาลก โลเฮียอีกด้วย”

The Valence Group ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินพิเศษให้แก่อินโดรามา เวนเจอร์ส Lowenstein Sandler LLP เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย และ KPMG ทำหน้าที่ตรวจสอบวิเคราะห์สถานะทางการเงินของกิจการ

* เป็นไปตามนโยบายการรายงานของอินโดรามา เวนเจอร์ส