ข่าวผลประกอบการ
อินโดรามา เวนเจอร์ส ทำกำไรในไตรมาส 3 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำไรหลักสุทธิสูง 137 ล้านเหรียญสหรัฐ โต 68%
- กำไรหลักต่อหุ้น (Core EPS) ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2560 เพิ่มขึ้น 75%
- Core EBITDA ต่อตัน แตะระดับสูงสุดในรอบ 23 ไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 122 เหรียญต่อตันในไตรมาสที่ 3/2560 เพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงการปรับปรุงคุณภาพกลุ่มผลิตภัณฑ์และสถานการณ์กำไร
- แรงหนุนจากการชะงักในการผลิตของผู้ผลิตในยุโรปและอเมริกา ผลักดันการเติบโตทั้งปริมาณการผลิตและกำไร
- มีกระแสเงินสดเพิ่มเติมจำนวน 452 ล้านเหรียญสหรัฐจากใช้สิทธิ์วอแรนต์ (IVL-W1) เพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน เพื่อโอกาสในการเติบโตในอนาคต
- ประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัท DuPont Teijin Films ประกอบด้วยโรงงานทั้งหมด 8 แห่งในอเมริกา ยุโรปและจีน กำลังการผลิตรวม 180,000 ตันต่อปี รวมถึงศูนย์นวัตกรรมระดับโลกในประเทศอังกฤษ
- ประกาศเข้าซื้อกิจการผลิต PTA ของบริษัท Artlant กำลังการผลิต 700,000 ตันต่อปี และ Arttelia กิจการให้บริการด้านสาธารณูปโภคในประเทศโปรตุเกส ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้าขนาด 40 เมกะวัตต์ ส่งเสริมการบูรณาการด้านวัตถุดิบและพลังงาน
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 9 พฤศจิกายน 2560 – บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 2560
บริษัทฯ มีกำไรรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) เติบโตสูงเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 291 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่กำไรหลักสุทธิ (Core Net Profit) โต 68% อยู่ที่ 137 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปัจจัยหลักจากอัตราการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น, ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานผลิต EOEG ภายหลังการปิดปรับปรุงในไตรมาสที่ 2/2560, กำไร PET ที่เพิ่มขึ้นและการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากการเข้าซื้อกิจการบริษัท Glanzstoff บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) เติบโต 46% อยู่ที่ 198 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปริมาณการผลิต 2.39 ล้านตัน และมี EBITDA ต่อตันสูงกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อตัน ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 ขึ้นไปอยู่ที่ 122 เหรียญสหรัฐต่อตันในไตรมาสที่ 3/2560 นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นและภาวะตึงตัวของการผลิตในอุตสาหกรรม เนื่องจากคู่แข่งในตลาดในยุโรปและอเมริกา กำลังประสบปัญหาทางการเงิน ส่งผลให้บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้และกำไรเพิ่มเติม โดยคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยังคงส่งผลอย่างต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปลายปี
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสนี้ว่า “ไตรมาสที่ 3 ส่งผลให้การดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของไอวีแอลในปีนี้มีความแข็งแกร่งอย่างมาก เราทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เหนือการประมาณการณ์ในทุกๆ ตัวชี้วัดด้านการเงินหลัก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง ความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือในทุกสถานกาณ์ของกลุ่มธุรกิจเรา รวมทั้งประโยชน์ที่ได้รับจากโมเดลทางธุรกิจของเราที่เป็นเอกลักษณ์ มีความหลากหลายและมีการบูรณาการ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจอย่างชัดเจนและแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาธุรกิจ PTA และ PET ประกอบกับโครงการลงทุนต่างๆ ที่ได้ประกาศไปแล้วและการเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น จะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของกำไรในปี 2561 และในอนาคต”
ในช่วงไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการบริษัท DuraFiber ในประเทศเม็กซิโกและฝรั่งเศส รวมถึงโครงการขยายการผลิตในประเทศจีนและอินโดนีเซียที่ได้ประกาศไปแล้ว ซึ่งช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์เส้นใยในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) และจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตและกำไรเพิ่มเติม ในเดือนกันยายน 2560 บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ (DJSI) และติดอันดับ 1 ใน 5 บริษัทเคมีภัณฑ์ระดับโลก นอกจากนี้ยังมีพัฒนาการสำคัญที่เกิดขึ้น คือ ไอวีแอลประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัท DuPont Teijin Films ซึ่งเป็นผู้ผลิตฟิล์มมูลค่าเพิ่ม BOPET และ PEN ชั้นนำของโลก การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ไปยังฟิล์มโพลีเอสเตอร์ ทำให้ไอวีแอลสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้กว้างขึ้น ในขณะเดียวกันโครงการก๊าซแครกเกอร์ กำลังการผลิต 440,000 ตันต่อปีในสหรัฐที่กำลังปรับปรุง มีการดำเนินการตามแผนและคาดว่าจะเสร็จสิ้นการปรับปรุงในไม่กี่เดือนข้างหน้าและเริ่มการผลิตได้ในช่วงต้นปี 2561
นายอาลก โลเฮีย กล่าวถึงภาพรวมผลประกอบการในปีนี้ว่า “เราคาดว่า เราจะเห็นทิศทางการเคลื่อนไหวในเชิงบวกอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 แม้ว่าจะเป็นไตรมาสที่มีการอ่อนตัวตามฤดูกาลตามปกติ เรามั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบได้ตามที่เราให้คำมั่น ปัจจัยด้านผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีกำไรเพิ่มขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA ที่มีกำไรสูง รวมทั้งปริมาณการผลิตที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและการได้รับประโยชน์สูงสุดจากการดำเนินงานตามกลยุทธ์ เราเชื่อว่า ปี 2560 จะเป็นอีกปีที่เรามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าเราจะตั้งเป้าหมายสร้างการเติบโตของกำไรเป็น 2 เท่าในทุกๆ 5 ปี แต่จากผลการดำเนินงานในรอบ 12 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ปี 2560 นี้ เราบรรลุเป้าหมายดังกล่าวในเวลาเพียง 4 ปี”
“เรามีกระแสรายได้ที่หลากหลาย อยู่บนพื้นฐานส่วนประสมที่แข็งแกร่งทั้งในด้านความสามารถ ภูมิภาคที่ตั้งและกลุ่มธุรกิจ เราจะยังคงเดินหน้าเร่งสร้างการเติบโต และการดำเนินงานเต็มศักยภาพของกระแสรายได้ในทุกกลุ่ม ปัจจุบันไอวีแอลมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน มุ่งเน้นการขับเคลื่อนสำเร็จ และเราจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นของเรา” นายอาลก กล่าวสรุป
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.indoramaventures.com