ข่าวผลประกอบการ
อินโดรามา เวนเจอร์ส รายงาน Core EBITDA ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 คาดเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวตลาดโลกจากการแพร่ระบาด
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 5 สิงหาคม 2564 –บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2564 โดยมี Core EDITDA เท่ากับ 477 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากเศรษฐกิจในหลายประเทศฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจของไอวีแอล บริษัทฯ คาดว่าจะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งเช่นนี้ในครึ่งหลังของปี 2564 และตลอดปี 2565 ด้วยโครงการฉีดวัคซีนทั่วโลกทำให้เกิดสัญญาณเชิงบวก
สรุปผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2564
- รายได้จากการขายรวมในไตรมาสที่ 2 จำนวน 3,559 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 52 เมื่อเทียบปีต่อปี
- EBITDA อยู่ที่ 552 ล้านเหรียญสหรัฐ และ Core EBITDA อยู่ที่ 477 ล้านเหรียญสหรัฐ
- กำไรสุทธิ 8,340 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นจาก 154 ล้านบาทเมื่อไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
- Core ROCE ร้อยละ 12.9 เพิ่มขึ้น 443 basis point (bps) เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และ 715 bps เมื่อเทียบปีต่อปี
- โครงการ Olympus หรือโครงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจและต้นทุนทั่วทั้งองค์กรของบริษัทฯ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานคิดเป็นจำนวน 116 ล้านเหรียญสหรัฐในระหว่างครึ่งปีแรกของปี 2564 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จำนวน 287 ล้านเหรียญสหรัฐสสำหรับปี 2564
- การเข้าซื้อกิจการ CarbonLite ซึ่งเป็นโรงงานรีไซเคิล PET ในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ไอวีแอลเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PET รีไซเคิล (rPET) รายใหญ่ที่สุดในโลก
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “ในช่วงการแพร่ระบาด เราได้เร่งดำเนินโครงการปรับเปลี่ยนและพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต และตอนนี้เราเริ่มเห็นผลลัพธ์จากการดำเนินโครงการเหล่านั้นในช่วงเวลาที่โครงการฉีดวัคซีนทั่วโลกกำลังส่งผลให้เกิดการฟื้นตัว เรายังคงได้รับประโยชน์จากแรงหนุนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากอุปสงค์และกำไรที่แข็งแกร่งใน 3 กลุ่มธุรกิจหลักของไอวีแอล ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ Combined PET กลุ่มธุรกิจ Fibers และ กลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides & Derivatives (IOD) หัวใจหลักในโครงสร้างธุรกิจของไอวีแอล คือการมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมอย่างเนื่อง และความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และความยั่งยืน ทุกๆ การลงทุนของเราในประเด็นสำคัญเหล่านี้จะขับเคลื่อนไอวีแอลให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 2564 และนับต่อจากนั้นในฐานะบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เราขอชื่นชมความมุ่งมั่นของพนักงานไอวีแอลทั่วโลกที่กำลังทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและด้วยความห่วงใย เพื่อให้มั่นใจว่าชุมชนของไอวีแอลได้รับความปลอดภัยและสุขภาพที่ดี เรารู้สึกภาคภูมิใจต่อแนวทางที่ทีมของเราได้ปรับตัวต่อการแพร่ระบาด”
ภาพรวม
ไอวีแอลแสดงผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2564 และมี Core EBITDA เท่ากับ 477 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการดำเนินทั่วโลก รวมทั้งขนาดและการเป็นผู้นำของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ผลการดำเนินงานรายไตรมาสแสดงถึงรายได้จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในทุกภูมิภาค โดย Core EBITDA ในทวีปอเมริกาและยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) เพิ่มขึ้นร้อยละ 59 ในครึ่งแรกของปี 2564 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2563 ในขณะที่ทวีปเอเชียเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ในปี 2563 ธุรกิจของไอวีแอลได้ผ่านบททดสอบความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ต่างๆ และในครึ่งแรกของปี 2564 ได้แสดงให้เห็นการสร้างมูลค่าจากโครงสร้างธุรกิจของไอวีแอล
อุปสงค์สำหรับผลิตภัณฑ์ของเรายังคงแข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจและทุกภูมิภาค บริษัทฯ มีอัตรากำไรที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ โดยได้ประโยชน์จากรูปแบบการดำเนินงานแบบบูรณาการและความได้เปรียบของห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาค ซึ่งชดเชยกับอุปสรรคในระบบนิเวศน์ อาทิ การขาดแคลนวัตถุดิบหลักและข้อจำกัดด้านการขนส่ง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ทีมผู้บริหารของไอวีแอลได้แสดงถึงความคล่องตัวในการกำหนดทิศทางการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ และให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
คาดการณ์การเติบโตอย่างแข็งแกร่งสำหรับครึ่งหลังของปี 2564 และปี 2565
ครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าจะคล้ายคลึงกับช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ของไอวีแอลที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากการเปิดตัวการท่องเที่ยวด้วยการได้รับวัคซีนและมีภูมิคุ้มกันในวงกว้าง
- ไอวีแอลคาดว่าปริมาณการผลิตของกลุ่มธุรกิจ IOD จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเริ่มดำเนินงานของ Lake Charles (IVOL) หลังจากหยุดดำเนินงานชั่วคราวในเดือนกรกฎาคม ปี 2563 เนื่องจากเหตุการณ์ฟ้าผ่า และมีอัตรากำไรเพิ่มขึ้นข้อได้เปรียบของ Shale Gas ที่แข็งแกร่ง ธุรกิจ Oxyfuel ของเรากลับมาทำกำไรด้วยแรงหนุนจากการเดินทางที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพตลาดน้ำมันดิบที่แข็งแกร่ง
- อัตรากำไรของ Integrated PET คาดว่าจะปรับตัวจากการที่อุปทานเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์เริ่มคลี่คลายในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
- การขาดแคลน semiconductor ทำให้อุปสงค์ของผู้บริโภคในกลุ่มธุรกิจ Fibers ชะลอตัว และราคาที่สูงขึ้นของโพลีโพรพิลีนนำไปสู่การส่งผ่านที่ล่าช้าในกลุ่มธุรกิจ Hygiene
ในภาพรวมบริษัทฯ มองเห็นความแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 และปี 2565 ทั้งนี้ ไอวีแอลคาดว่าจะรายงานผลการดำเนินงานสูงกว่าที่ได้นำเสนอใน Capital Market Day เมื่อเดือนมกราคม ปี 2564
การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG) และความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)
ในไตรมาสที่ 2 นี้ ไอวีแอลได้ประกาศการพัฒนาที่สาคัญ 3 ประการบนเส้นทางแห่งความยั่งยืนของเรา ประการแรก ไอวีแอลได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ใช้ในการผลิตเม็ดพลาสติก PET รีไซเคิลของบริษัท CarbonLite ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยโรงงานแห่งนี้สามารถรีไซเคิลขวด PET ได้มากกว่าสามพันล้านขวดต่อปี ซึ่งทำให้ไอวีแอลเข้าใกล้เป้าหมายในการรีไซเคิลขวด PET จำนวน 50,000 ล้านขวดต่อปี ภายในปี 2568
ประกาศที่สอง บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก PET* ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งผลิตโดยใช้พลังงานหมุนเวียน วัตถุดิบที่มาจากท้องถิ่น และการขนส่งทางน้ำที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเปิดตัวภายใต้แบรนด์ Deja ซึ่งเป็นแบรนด์สำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนของไอวีแอล ประการสุดท้าย ไอวีแอลประกาศสร้างโรงงานรีไซเคิลที่ Karawang ประเทศอินโดนีเซีย โดยจะสามารถรีไซเคิลขวด PET ได้มากกว่า 2 พันล้านขวดต่อปี เพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการด้านขยะพลาสติกแห่งชาติของรัฐบาลอินโดนีเซีย
*รายการนี้เกิดหลังการอ้างอิงในรายงาน MD&A ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ซึ่ง Carbon Neutral PET เปิดตัวในเดือนเมษายน ปี 2564