คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ

ที่ IVL001/11/2012
14 พฤศจิกายน 2555

เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เรื่อง ขอนำส่งงบการเงินสอบทานสำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 และสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30
กันยายน 2555 ของบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) และคำอธิบายและบทวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ

ทางฝ่ายจัดการของบริษัท ขอนำส่งเอกสารดังต่อไปนี้

1. สำเนางบการเงินสอบทานรวมและงบการเงินสอบทานเฉพาะบริษัท สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 และสำหรับงวด 9
เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
2. คำอธิบายและบทวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ สำหรับผลการดำเนินงาน สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2555
และสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
3. รายงานสรุปผลการดำเนินงาน แบบฟอร์ม 45-3 สำหรับผลการดำเนินงาน สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2555
และสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)


จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ



(นายอาลก โลเฮีย)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฯ




เลขานุการบริษัท
โทรศัพท์: +66 (0) 2661-6661
โทรสาร: +66 (0) 2661-6664


บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)
คำอธิบายและบทวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ
ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2555 และงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555


บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL รายงานรายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2555 เท่ากับ
1, 697 ล้านเหรียญสหรัฐ (53,249 ล้านบาท) กำไรรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา
และค่าตัดจำหน่าย (Reported EBITDA) 122 ล้านเหรียญสหรัฐ (3,818 ล้านบาท)
กำไรสุทธิรวมหลังหักภาษีเงินได้และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย เท่ากับ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,566
ล้านบาท) และอัตราผลตอบแทนต่อเงินทุนสุทธิสำหรับดำเนินงานของบริษัทเฉลี่ยต่อปี เท่ากับ ร้อยละ 6

ในไตรมาสที่ 3 ปี 2555 ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2555 จาก 1.35
ล้านตันเป็น 1.41 ล้านตัน และกำไรรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย
(Reported EBITDA) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ร้อยละ 17 เป็น 122 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3 ปี 2555
ข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ
ล้านเหรียญสหรัฐ ล้านบาท
ไตรมาส
3/2555 ไตรมาส
2/2555 ไตรมาส
3/2554 ไตรมาส
3/2555 ไตรมาส
2/2555 ไตรมาส
3/2554
*รายได้จากการขายรวม 1,697 1,741 1,689 53,249 54,495
50,909
PET 1,080 1,105 1,214 33,895 34,600 36,569
โพลีเอสเตอร์ และเส้นใยจากขนสัตว์ 330 327 230 10,356 10,227 6,927
Feedstock 553 576 509 17,352 18,022 15,343
*กำไรรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 122
105 153 3,818 3,271 4,616
PET 49 45 86 1,544 1,398
2,601
โพลีเอสเตอร์ และเส้นใยจากขนสัตว์ 18 16 19
577 511 559
Feedstock 56 41 45 1,742 1,287
1,354
**กำไรหลักรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้
ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) 110 151 136
3,442 4,711 4,085
PET 47 69 78 1,477 2,154
2,349
โพลีเอสเตอร์ และเส้นใยจากขนสัตว์ 14 27 13
447 836 384
Feedstock 50 53 41 1,560 1,647
1,239
กำไรสุทธิหลักรวมหลังหักภาษีเงินได้ และ
ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 50 39 139 1,566 1,226 4,158
รายจ่ายฝ่ายทุน (CAPEX) 172 848 74 5,449 26,453 2,163
หนี้สินจากการดำเนินงานสุทธิ 2,103 2,111 1,159 64,823 67,172 36,128
อัตราส่วนหนี้สินจากการดำเนินงานต่อทุน 1.1 1.1 0.6
1.1 1.1 0.6
อัตราผลตอบแทนต่อเงินทุนของบริษัท 6% 5% 15% 6% 5% 15%
กำไรต่อหุ้นต่อปี (บาท) 1.30 1.02 3.45 1.30
1.02 3.45
อ้างถึงข้อสังเกต หน้า 11
*ข้อมูลทางการเงินรวมภายหลังการตัดรายการระหว่างกันในบริษัทในกลุ่ม (หรือระหว่างกลุ่มธุรกิจ)
**กำไรหลักรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) คือ
กำไรรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ตัดรายการกำไร
(ขาดทุน)ในสินค้าคงเหลือ

ในไตรมาสที่ 3 ปี 2555 นี้ Core EBITDA ต่อตัน เท่ากับ 78 เหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับ 112
เหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 2 ปี 2555
โดยปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลกระทบต่อรายได้หลักมาจากอัตรากำไรที่ตกต่ำในทวีปเอเชียภายใต้ห่วงโซ่มูลค่า PTA,
PET และโพลีเอสเตอร์ซึ่งสืบเนื่องมาจาก
- เศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่องของประเทศจีน
ซึ่งเห็นได้จากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันในหลายไตรมาสที่ผ่านมา
- อุปทาน PTA ส่วนเกินในทวีปเอเชีย ส่งผลให้อัตรากำไรภายใต้ห่วงโซ่มูลค่าในทวีปเอเชียอยู่ในระดับต่ำ
และส่งผลเล็กน้อยในทวีปยุโรป

อัตรากำไรของกลุ่มธุรกิจ MEG และกลุ่มธุรกิจ PET และเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ในทวีปอเมริกาเหนือ
ในไตรมาสนี้ยังอยู่ในระดับคงที่ อุปสงค์รวมของ PET
และเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ยังสอดคล้องกับแนวโน้มในอดีต ดังนั้น
ห่วงโซ่มูลค่าโพลีเอสเตอร์ยังคงมีความน่าสนใจอยู่

ธุรกิจของบริษัทฯที่มีการกระจายอยู่ทั่วโลก ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์
และการควบรวมภายในห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเฉพาะใ
นบางภูมิภาคหรือบางกลุ่มผลิตภัณฑ์

ตารางข้างล่างนี้แสดงถึง กำไรรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)
และ กำไรหลักรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA)

ล้านเหรียญสหรัฐ ล้านบาท
ไตรมาส
3/2555 ไตรมาส
2/2555 ไตรมาส
3/2554 ไตรมาส
3/2555 ไตรมาส
2/2555 ไตรมาส
3/2554
กำไรรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 122 105 153 3,818
3,271 4,616
(กำไร) ขาดทุน ในสินค้าคงเหลือ (12) 46 (18) (377) 1,440 (531)
กำไรหลักรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) 110 151 136
3,442 4,711 4,085







ตารางข้างล่างนี้แสดงรายละเอียดของรายการยกเว้น

ล้านเหรียญสหรัฐ ล้านบาท
ไตรมาส
3/2555 ไตรมาส
2/2555 ไตรมาส
3/2554 ไตรมาส
3/2555 ไตรมาส
2/2555 ไตรมาส
3/2554
กำไรจากการต่อรองราคาซื้อ 4 - 34 121 - 1,033
รายการค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการระหว่างปี (2) (5) (1) (60) (169) (20)
รายได้(ค่าใช้จ่าย)เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม และรายการพิเศษอื่น 14 37 - 431 1,150 -
รวมรายการยกเว้นทั้งสิ้น 16 32 33 492 981 1,013

ธุรกิจ Feedstock (PTA and Oxides &Glycols)
คำอธิบายธุรกิจ PTA

แผนภาพข้างล่างนี้แสดงถึง ความผันผวนในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา อัตรากำไร PTA ในทวีปเอเชียในไตรมาสที่ 3
ปี 2555 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าต้นทุนแปรสภาพของอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับในครึ่งแรกของปี 2555
บริษัทวางแผนขั้นต่อไปโดยการทำสัญญาใหม่ในปี 2556
ด้วยกลไกการป้องกันเพื่อรักษาระดับอัตรากำไรในช่วงวงจรผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในช่วงขาลง




ที่มา : ข้อมูลอุตสาหกรรม และบทวิเคราะห์ของ IVL




คำอธิบายธุรกิจ Oxide and Glycols

แผนภาพข้างล่างนี้ช่วยอธิบายถึงธุรกิจ Oxide & Glycols ในทวีปอเมริกาเหนือ
ความแตกต่างหลักระหว่างทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ คือที่มาของทรัพยากร และสภาพเศรษฐกิจของวัตถุดิบ
ethylene และราคาของ MEG

ราคา Ethylene ในทวีปเอเชีย มาจากราคาของ Nafta ในขณะที่ทวีปอเมริกาเหนือ ราคา Ethylene
ขึ้นอยู่กับราคาก๊าซชั้นหินที่มีอยู่อย่างมากมาย

ราคา MEG ในทวีปอเมริกาเหนือ มีราคาสูงกว่า แต่มีการเปลี่ยนแปลงตามราคาในทวีปเอเชีย
เนื่องจากปริมาณการใช้โพลีเอสเตอร์โดยหลักมาจากทวีปเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีน

ดังนั้น อัตรากำไรของ MEG ในทวีปอเมริกาเหนือจะสูงกว่า และผันผวนน้อยกว่าในทวีปเอเชีย
ดังจะเห็นได้จากแผนภาพ
ข้างล่างนี้



ที่มา : ข้อมูลอุตสาหกรรม และบทวิเคราะห์ของ IVL








Topline

แผนภาพข้างล่างนี้แสดงการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการผลิตและยอดขายในสกุลเหรียญสหรัฐเปรียบเทียบไตรมาสต่อไตร
มาสแยกตามภูมิศาสตร์และกลุ่มผลิตภัณฑ์
บริษัทยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค และทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์






ข้อสังเกต : รายได้ตามภูมิศาสตร์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ เป็นรายได้ภายหลังหักรายการขายระหว่างกันในภูมิศาสตร์
และระหว่างกลุ่มผลิตภัณฑ์
Bottomline

กราฟข้างล่างนี้แสดงรายละเอียดของ EBITDA ในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา

ผลขาดทุนจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดลพบุรี การลดลงอย่างมากของอัตรากำไร PTA
และความผันผวนของตลาดเอเชีย ส่งผลกระทบอย่างมากต่อ EBITDA ในทวีปเอเชียตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2554
ประมาณหนึ่งในสามส่วนของธุรกิจ ฝ่ายบริหารเชื่อว่า
ผลการดำเนินงานโดยรวมจะดีขึ้นจากแผนปรับปรุงการดำเนินงานที่เริ่มทำในปี 2555
โดยมีการขยายกำลังการผลิตในประเทศจีนเพิ่มเป็น 522 กิโลตันต่อปี การเริ่มดำเนินงานของโรงงาน SSP
ในประเทศไนจีเรีย และการเข้าซื้อกิจการ PET เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศอินโดนีเซียในไตรมาสที่ 3 ปี
2555 ลำดับต่อมา ตลาดจีนและอินเดียคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไร PTA
เริ่มดีขึ้นจากที่ปัจจุบันอัตรากำไร PTA ในทวีปเอเชียต่ำกว่าต้นทุนเงินสด

ในระดับภูมิภาค ทวีปอเมริกาเหนือยังคงเป็นผู้นำในด้านผลการดำเนินงาน
ในขณะที่ทวีปยุโรปมีผลการดำเนินงานค่อนข้างต่ำจากสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศกรีซซึ่งส่งผลกระทบครอบคลุมไ
ปทั่วทวีปยุโรปตอนใต้ อย่างไรก็ดี การปรับปรุงการดำเนินงานใน Spartanburg การขยายกำลังการผลิตที่
Rotterdam ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2555 รวมทั้งกำไรจากธุรกิจ Oxide และ Glycols
ในทวีปอเมริกาเหนือนั้น จะช่วยเพิ่มศักยภาพ ชดเชยกับอัตรากำไร PTA และ PET ในทวีปเอเชียที่ลดต่ำลง




แนวโน้มธุรกิจ

ความผันผวนอย่างรุนแรงในรอบสิบสองเดือนที่ผ่านมาใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่บริษัทได้เคยประสบมาในครึ่งหลัง
ของปี 2551 แต่ในครั้งนี้
บริษัทยังประสบภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจในทวีปเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนและอินเดีย
ความรุนแรงดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากกำลังการผลิตส่วนเกินในประเทศจีนภายใต้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นปลายน
อันประกอบไปด้วย PTA PET และเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์

ความขาดแคลนใน MEG และพาราไซลีนจะช่วยควบคุมอุปทานส่วนเกินของ PET และเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์
นอกจากนี้ อัตรากำไรในภูมิภาคเอเชีย ณ ปัจจุบัน ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนเงินสด
จะช่วยหยุดยั้งการเพิ่มขึ้นของผู้ผลิตในอุตสาหกรรมห่วงโซ่มูลค่าโพลีเอสเตอร์
และจะทำให้อัตรากำไรฟื้นตัวในระหว่างปี 2556

ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทคือ PET และเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์
บริษัทมีห่วงโซ่อุปทานและโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง และยังเป็นผู้นำสายผลิตภัณฑ์นี้ในระดับโลก

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีความสามารถในการแข่งขันสูงสุด
ด้วยความมีประสิทธิภาพสูงและมีศักยภาพในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
ซึ่งจะช่วยเพิ่มอรรถประโยชน์ให้กับผลิตภัณฑ์ ในส่วนของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ PETมีต้นทุนต่ำที่สุด
ในขณะที่โพลีเอสเตอร์เป็นเส้นใยเส้นด้ายที่สามารถจัดหาได้ง่ายในราคาไม่สูง
ดังนั้นการเติบโตของห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์อย่างต่อเนื่องในอดีต
ได้แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีความยืดหยุ่นต่อผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ของบริษัทแม้ในภาวะผันผวนของตลาดโลก
เป็นการทดสอบความสามารถในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งเปรียบเสมือนทางเชื่อมสู่ผู้บริโภค
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นสินค้าพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันและจัดหาง่าย
ทำให้ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถพบเห็นได้ทุกที่และเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันที่ทุกคนต้องใช้
บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีการรวมตัวกับวัตถุดิบหลักอย่าง PTA และ MEG
การรวมตัวกันนี้ทำให้บริษัทมีวัตถุดิบเพียงพอต่อการผลิต เป็นที่ไว้วางใจของผู้บริโภค
และมีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น

อัตรากำไร PTA ในทวีปเอเชีย คาดว่ายังคงอยู่ในระดับที่ต่ำตลอดทั้งปี 2555
แต่โรงงานของบริษัทยังคงรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับสูง และได้รับประโยชน์จากการเพิ่มการบริโภค
PET และเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ภายในกลุ่มบริษัท
ฝ่ายบริหารจึงมุ่งเป้าไปที่การรวมตัวและการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของธุรกิจปัจจุบันเพื่อบรรลุผล
ประกอบการที่เพิ่มขึ้นของบริษัท
โครงการขยายกำลังการผลิตหลายโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งจะช่วยปรับปรุงโครงสร้างต้นทุนของบริษัท
ในบทวิเคราะห์แต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้อธิบายถึงแผนปรับปรุงการดำเนินงานต่างๆซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการไว้เ
พิ่มเติม

เนื่องจากลักษณะของโพลีเอสเตอร์ที่จัดหาง่าย
และเป็นส่วนประกอบในสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (อาหาร เครื่องดื่ม และเสื้อผ้า)
บริษัทฯคาดว่าจะได้รับผลดีจากการที่บริษัทมีโรงงานอยู่ทั่วภูมิภาคหลักของโลก
ในฐานะผู้นำของตลาดและการควบรวมในอุตสาหกรรม
การลงทุนในนวัตกรรมหรือสินค้าเพิ่มมูลค่าจะทำให้อัตรากำไรโดยรวมเพิ่มมากขึ้น
และจะเป็นช่องทางการเติบโตในภายภาคหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่กำลังพัฒนา

ธุรกิจของบริษัทฯที่มีการกระจายอยู่ทั่วโลก มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์
และการควบรวมภายในห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์ ทำให้เกิดการป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจ
และทำให้บริษัทฯสามารถรักษาผลดำเนินงานให้อยู่ในระดับสูงกว่ามาตรฐาน
ฝ่ายบริหารได้ตระหนักถึงการรวมตัวของกิจการที่บริษัทได้เข้าซื้อ
เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจากนวัตกรรมที่บริษัทมี
บริษัทยังคงมองห่วงโซ่มูลค่าโพลีเอสเตอร์ในแง่บวก และเป็นผู้นำในวงจรนี้
บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่ดีซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเมื่อทั่วโลกเกิดการฟื้นตัว และในขณะเดียวกัน
บริษัทเชื่อมั่นว่า บริษัทจะเป็นผู้นำตลาดทั่วโลกต่อไป

โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
วันที่ประกาศ โครงการ สถานที่ตั้ง
สายการผลิต กำลังการผลิต
(ตันต่อปี) ระยะเวลา
การขยายกำลังการผลิตในโรงงานเดิม
พฤษภาคม 2553 การขยายการผลิตเม็ดพลาสติก PET ใน Rotterdam Rotterdam
เนเธอร์แลนด์ PET 187,000 ไตรมาสที่ 4
ปี 2555
เพิ่มตลาดและปรับปรุงต้นทุนการผลิตโดยรวมของโรงงานในทวีปยุโรป ทวีปตะวันออกกลางและแอฟริกา
มีนาคม
2554 การลงทุนในโรงงานผลิต Polymerization resin ต่อเนื่อง
ที่อินโดนีเซีย Purwakarta
อินโดนีเซีย เส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ 300,000 ครึ่งหลังของ
ปี 2556
โครงการผลิตเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ที่สำคัญที่สุดของบริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างในประเทศอินโดนีเซี

ภายใต้ต้นทุนที่ต่ำที่สุดในกลุ่มเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์และจะช่วยพัฒนาต้นทุนการผลิตในทวีปเอเชีย
เมษายน 2554 การขยายการผลิต PET ในประเทศโปแลนด์ โปแลนด์ PET ~100,000 ปี 2557
เพิ่มการเข้าถึงตลาดและประหยัดต้นทุนแปรสภาพ
พฤษภาคม 2554 การขยายการผลิต PTA ใน Rotterdam ส่งเสริมการควบรวมวัตถุดิบในการผลิต PET
ในทวีปยุโรป Rotterdam
เนเธอร์แลนด์ PTA 250,000 ปี 2557
เพิ่มประสิทธิภาพการควบรวมห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์และการปรับปรุงต้นทุนการผลิตโดยรวมของโรงงานในทวีปยุโรป
ทวีปตะวันออกกลางและแอฟริกา
มิถุนายน
2554 ลงทุนร้อยละ 42 ในกิจการร่วมทุน PT Polyprima Karyesreska ผู้ผลิต PTA ซึ่งใช้เทคโนโลยีของ Invista
ปัจจุบันโรงงานอยู่ระหว่างการปรับปรุงกำลังการผลิต การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มฐานวัตถุดิบ PTA
ให้กับ IVL PET และโพลีเอสเตอร์ในประเทศอินโดนีเซีย เมือง Cilegon West
Javaอินโดนีเซีย Feedstock 500,000 ปี 2556
เพิ่มประสิทธิภาพการควบรวมห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์และประหยัดต้นทุนในการขนส่ง
พฤศจิกายน 2555 การขยายการผลิต PET ในทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา PET 540,000 ปี 2558
เพิ่มตลาดและปรับปรุงต้นทุนการผลิตโดยรวมของโรงงานในทวีปอเมริกาเหนือ
การรีไซเคิลและนวัตกรรม
สิงหาคม 2554 ลงทุนในการผลิต Recycled PET ในโรงงานของอินโดรามา
โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรีส์ จังหวัดนครปฐม นครปฐม
ประเทศไทย เส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ 28,500 ครึ่งหลังของ
ปี 2556
เพิ่มกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์รีไซเคิลในทวีปเอเชีย
สิงหาคม 2554 ลงทุนในโครงการเส้นใยผสมสำหรับสินค้าอนามัย โดยใช้เทคโนโลยี Toyobo ประเทศญี่ปุ่น (16
กิโลตัน) และ CP Boosting (5 กิโลตัน) ระยอง
ประเทศไทย เส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ 21,000 ครึ่งแรกของ
ปี 2556
เพิ่มผลิตภัณฑ์สินค้าอนามัยในทวีปเอเชีย
สิงหาคม 2554 ลงทุนในเส้นใยผสมคุณภาพสูง (FINNE)โดยผ่านเพียงหนึ่งกระบวนการผลิต ที่โรงงาน PT
IVI Tangerang
อินโดนีเซีย เส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ 16,000 ครึ่งแรกของ
ปี 2557
เพิ่มผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษในทวีปเอเชีย

การขยายกิจการทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัท
บริษัทมีเหตุผลทางกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขยายกิจการ
ภายหลังเสร็จสิ้นแผนการเข้าซื้อและการขยายกิจการทั้งหมด
บริษัทจะมีข้อได้เปรียบในการบริหารกิจการในระดับภูมิภาค ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 9.0
ล้านตันต่อปี (รวมกิจการร่วมทุน Ottana Polimeri, Trevira และ Polyprima ซึ่งจะได้รับเป็นส่วนแบ่ง
กำไร) บริษัทจะกลายเป็นผู้นำตลาดห่วงโซ่มูลค่าโพลีเอสเตอร์ทั้งในประเทศไทย อเมริกาเหนือ และยุโรป

หน่วย: ล้านตันต่อปี เพิ่มขึ้น PET เส้นใยและเส้นด้าย PTA EO/EG รวม
กำลังการผลิตสิ้นปี 2554
ประเทศจีน 0.406 0.406
ทวีปยุโรป* 0.921 0.273 0.561 1.755
ประเทศอินโดนีเซีย 0.088 0.110 0.198
ทวีปอเมริกาเหนือ 1.555 0.071 1.626
ประเทศไทย 0.281 0.290 1.373 1.944
รวม 3.251 0.744 1.934 5.929
*กำลังการผลิตของกิจการร่วมทุน 0.161 0.120 0.184 0.465
กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในปี 2555
ประเทศจีน China-Exp. 0.116 0.116
ทวีปยุโรป IRP-Rotterdam 0.031 0.031
ประเทศอินโดนีเซีย Polypet Acqn. 0.101 0.101
ประเทศอินโดนีเซีย* Polyprima JV 0.500 0.500
ทวีปตะวันออกกลางและแอฟริกา Nigeria Greenfield 0.084 0.084
ทวีปอเมริกาเหนือ Oxide & Glycols(2) 0.550 0.550
ทวีปอเมริกาเหนือ Fibervision 0.221 0.221
ประเทศไทย TPT-Debottl. 0.011 0.011
รวม 0.332 0.221 0.511 0.550 1.614
*กำลังการผลิตของกิจการร่วมทุน 0.500 0.500
กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในปี 2556
ทวีปยุโรป IRP-Rotterdam 0.156 0.156
ประเทศอินโดนีเซีย CP4-Greenfield 0.300 0.300
ประเทศไทย IPI- BICO/CP 0.021 0.021
ประเทศไทย IPI- Recycling 0.028 0.028
รวม 0.156 0.349 0.505
กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในปี 2557
ทวีปยุโรป Poland-Exp.(3) 0.100 0.100
ทวีปยุโรป Rotterdam-Exp. 0.250 0.250
ประเทศอินโดนีเซีย FINNE-Exp. 0.016 0.016
รวม 0.100 0.016 0.250 0.366
กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในปี 2558
ทวีปอเมริกาเหนือ Expansion 0.540 0.540
รวม 0.540 0.540
กำลังการผลิตตามแผนงานที่ได้ประกาศไว้
ประเทศจีน 0.522 0.522
ทวีปยุโรป* 1.208 0.273 0.811 2.292
ประเทศอินโดนีเซีย* 0.189 0.426 0.500 1.115
ทวีปตะวันออกกลางและแอฟริกา 0.084 0.084
ทวีปอเมริกาเหนือ 2.095 0.292 0.550 2.937
ประเทศไทย 0.281 0.339 1.384 2.004
รวม 4.379 1.330 2.695 0.550 8.954
*รวมกำลังการผลิตของกิจการร่วมทุน 0.161 0.120 0.684 0.965
1. กำลังการผลิต ปริมาณการผลิต ปริมาณการขาย และอัตราการใช้กำลังการผลิต
ที่รายงานไปนั้นรวมเฉพาะผลประกอบการของกิจการที่รวมอยู่ในงบการเงินรวม (Consolidated)
ไม่รวมถึงผลประกอบการของกิจการที่บันทึกในรูปของเป็นส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน (Equity Income)
2. กำลังการผลิต Glycols & Oxide อยู่ที่ 550 กิโลตันต่อปี คำนวณจากกำลังการผลิตเทียบเท่า Glycols
ซึ่งมาจาก Ethylene ที่ใช้ที่ 330 กิโลตันต่อปี
3. การขยายกำลังการผลิตที่ประเทศโปแลนด์คาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 100 กิโลตัน
จากเดิมที่เคยประกาศไว้ 220 กิโลตัน

ข้อสังเกต :
นับจากไตรมาสที่ 2 ปี 2555 เป็นต้นไป บริษัทแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
กลุ่มธุรกิจเม็ดพลาสติก PET, กลุ่มธุรกิจเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยจากขนสัตว์
และกลุ่มธุรกิจวัตถุดิบ ในกลุ่มธุรกิจวัตถุดิบ ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจ PTA และ กลุ่มธุรกิจ Oxide และ
Glycols ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับการผลิตของอีกสองกลุ่มธุรกิจข้างต้น นอกจากนี้
จะไม่มีการปันส่วนรายได้ของ PTA ให้กับกลุ่มธุรกิจ PET และกลุ่มธุรกิจเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์
(ตามสัดส่วนของยอดขาย) ในไตรมาสนี้และไตรมาสเปรียบเทียบ
ข้อมูลทางการเงินรวมภายหลังการตัดรายการระหว่างกันในบริษัทในกลุ่ม (หรือระหว่างกลุ่มธุรกิจ)
ทำให้อาจไม่เท่ากับยอดรวมของแต่ละส่วนธุรกิจ
กำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2555
ได้รวมรายการกำไรพิเศษสุทธิจำนวน 28 ล้านเหรียญสหรัฐ (868 ล้านบาท) ซึ่งประกอบด้วย
กำไรจากการต่อรองราคาซื้อ หรือค่าความนิยมติดลบจากการเข้าซื้อกิจการ (รายละเอียดแสดงอยู่ใน
หมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 3 เรื่อง การเข้าซื้อธุรกิจ ในงบการเงินที่ตรวจสอบแล้ว) จำนวน 4
ล้านเหรียญสหรัฐ (121 ล้านบาท)
รายการค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการระหว่างปีและค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มดำเนินงาน จำนวน 2
ล้านเหรียญสหรัฐ (60 ล้านบาท)
เงินสินไหมทดแทนที่ได้รับและการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วม จำนวน 14
ล้านเหรียญสหรัฐ (447 ล้านบาท) ขาดทุนจากรายการพิเศษอื่นๆ จำนวน 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (16 ล้านบาท)
และกำไรในสินค้าคงเหลือ จำนวน 12 ล้านเหรียญสหรัฐ (377 ล้านบาท)
กำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2555
ได้รวมรายการขาดทุนพิเศษสุทธิจำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ (459 ล้านบาท) ซึ่งประกอบด้วย
รายการค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการระหว่างปีและค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มดำเนินงาน จำนวน 5
ล้านเหรียญสหรัฐ (169 ล้านบาท)
เงินสินไหมทดแทนที่ได้รับและการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วม จำนวน 37
ล้านเหรียญสหรัฐ (1,140 ล้านบาท) กำไรจากรายการพิเศษอื่นๆ จำนวน 0.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (11 ล้านบาท)
และขาดทุนในสินค้าคงเหลือ จำนวน 46 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,440 ล้านบาท)
กำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2554
ได้รวมรายการกำไรพิเศษสุทธิจำนวน 51 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,544 ล้านบาท)
ซึ่งประกอบด้วยกำไรจากการต่อรองราคาซื้อ หรือค่าความนิยมติดลบจากการเข้าซื้อกิจการจำนวน 34
ล้านเหรียญสหรัฐ (1,033 ล้านบาท) รายการค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการระหว่างปี จำนวน 1
ล้านเหรียญสหรัฐ (20 ล้านบาท) และกำไรในสินค้าคงเหลือ จำนวน 18 ล้านเหรียญสหรัฐ (531 ล้านบาท)
กำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) ได้หักรายการกำไร
ขาดทุนจากสินค้าคงเหลือออกจากกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา
และค่าตัดจำหน่ายที่รายงานไว้ (Reported EBITDA) รายการกำไร
ขาดทุนจากสินค้าคงเหลือเกิดจากราคาของวัตถุดิบและสินค้าคงเหลือที่เปลี่ยนแปลงจากสิ้นงวดที่แล้วจนถึงสิ้น
งวดปัจจุบัน กำไรในสินค้าคงเหลือจะทำให้ต้นทุนขายลดลง
และขาดทุนจากสินค้าคงเหลือจะทำให้ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น
หนี้สินจากการดำเนินงานสุทธิ เท่ากับ หนี้สินสุทธิ
(หนี้สินรวมหักด้วยเงินสดและเงินสดภายใต้การดำเนินงาน) หักด้วยจำนวนเงินที่ใช้ไปในโครงการ
ซึ่งอยู่ภายใต้การก่อสร้าง และยังไม่เริ่มสร้างกำไรให้กับบริษัท
การคาดการณ์ถึงแนวโน้มธุรกิจ : รายงานฉบับนี้ได้รวมถึงการคาดการณ์ถึงแนวโน้มธุรกิจ
ทั้งในปริมาณความต้องการในสินค้าของบริษัทและผลกระทบจากแผนงานดำเนินธุรกิจ
การประมาณการดังกล่าวมาจากข้อมูลข้างต้น การประมาณการภายใน สมมติฐานของฝ่ายบริหาร และแผนงาน
ซึ่งขึ้นอยู่กับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ในอนาคต
ผลประกอบการจริงอาจแตกต่างอย่างมีสาระสำคัญจากการคาดการณ์ในรายงานฉบับนี้
หากสมมติฐานหรือการประมาณการบางอย่างไม่ถูกต้องหรือไม่เกิดขึ้นจริง
ธุรกิจห่วงโซ่มูลค่าของโพลีเอสเตอร์ โดยทั่วไปมีการซื้อขายในรูปดอลล่าร์สหรัฐ
ดังนั้นบริษัทจึงนำเสนอข้อมูลโดยการแปลงค่าเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐ
บริษัทจัดทำรายงานทางการเงินในรูปเงินบาท และข้อมูลที่แนบมาต่อไปนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของรายงานฉบับนี้
ข้อมูลที่แนบมารายงานถึงผลประกอบการที่ตรวจสอบแล้ว ในรูปเงินบาท
และมีการแปลงค่าเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐที่อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยและอัตราปิดขึ้นอยู่กับรายการ
ผู้อ่านพึงยึดผลประกอบการในรูปเงินบาทเป็นหลัก
ข้อมูลทางการเงินรวม

ฐานะทางการเงินและอัตราส่วนทางการเงิน
อัตราส่วนหนี้สินจากการดำเนินงานสุทธิต่อทุนของบริษัทฯเท่ากับ 1.1 เท่าในไตรมาสที่ 3 ปี 2555
(หลังการเข้าซื้อกิจการ Indorama Ventures (Oxide และ Glycols) Limited ในเดือนเมษายน ปี 2555)
ซึ่งสูงกว่า 0.6 เท่า ณ สิ้นปี 2554 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2555 บริษัทมีรายจ่ายฝ่ายทุนจำนวน 172
ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งโดยหลักมาจากการเข้าซื้อกิจการโรงงาน Polypet ในประเทศอินโดนีเซีย
(ยังมีต่อ)