คำถามที่พบบ่อย
นโยบายองค์กรของไอวีแอล
ไอวีแอลมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอนาคตเป็นอย่างไร
ไอวีแอลคาดว่าจะรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลเช่นเดิม คือ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและหลังหักสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ คณะกรรมการ บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติในการพิจารณานโยบายการจ่ายเงินปันผลเป็นคราวๆ ไป โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์สูงสุด เช่น เงินสำรองเพื่อจ่ายชำระหนี้เงินกู้ยืม แผนการลงทุนในการขยายกิจการ หรือเพื่อสนับสนุนกระแสเงินสดของบริษัทในอนาคต ในกรณีที่มีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาด (หนังสือรายงานประจำปี บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส ปี 2556)
ไอวีแอลกำหนดสัดส่วนการถือครองหลักทรัพย์โดยผู้ลงทุนต่างประเทศไว้เท่าไร
ไอวีแอลไม่มีการกำหนดสัดส่วนการถือครองหลักทรัพย์โดยผู้ลงทุนต่างประเทศ
กลยุทธ์ขององค์กร
เหตุใดไอวีแอลจึงเชื่อว่า โครงการประเภท “โอกาสใหม่นอกเหนือจากแผนธุรกิจปี 2561” จะมีการดำเนินการในอนาคตในช่วงเวลาที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ
จากประสบการณ์ในการสร้างหรือเข้าซื้อกิจการที่ผ่านมาของไอวีแอล เราเชื่อว่าโครงการเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะมีการดำเนินการ ขณะนี้ไอวีแอลยังอยู่ในช่วงการหารือกับคู่ธุรกิจ ซึ่งการหารือนั้นดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เรารู้สึกเชื่อมั่นว่าผลลัพธ์ของการเจรจาจะออกมาดีและเราต้องการที่จะเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้า
หนึ่งในโครงการหลักคือ Gas Cracker ในสหรัฐอเมริกา กรุณาให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว
ไอวีแอลกำลังเจรจากับหุ้นส่วนในอนาคตที่วางแผนจะสร้างGas Crackerระดับโลกในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากก๊าซธรรมชาติที่ได้จากชั้นหิน และสามารถตั้งโรงงานผลิต MEGได้ แต่เนื่องจากโครงการนี้ยังเป็นโครงการที่เรากำลังศึกษาอยู่ เราจึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้มากกว่านี้
เหตุใดบริษัทฯจึงต้องการที่จะสร้าง Cracker แทนการซื้อเอทิลีนในตลาด ทั้งที่เอทิลีนกำลังจะมีมากเกินความต้องการในอเมริกาเหนือ
บริษัทฯ คาดว่าอเมริกาเหนือจะยังคงมีความสามารถในการแข่งขัน เมื่อเปรียบเทียบการใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบและแนฟทาในการผลิต MEG ในเอเชีย ดังนั้นแล้ว เราคาดว่าอเมริกาเหนือจะยังคงมีความได้เปรียบทางการแข่งขันนี้อยู่ สำหรับเอทิลีนส่วนเกินจะถูกใช้หมดไปด้วยความต้องการที่สูงขึ้นภายในปี 2563
นอกจาก “โอกาสใหม่นอกเหนือจากแผนธุรกิจปี 2561” ไอวีแอลพิจารณาโอกาสอื่นๆในการขยายตลาดที่อาจต้องใช้เงินเพิ่มทุนหรือไม่?
ตอนนี้เรามุ่งความสนใจไปยังโครงการที่กำหนดไว้ตามแผนธุรกิจปี 2561การเข้าร่วมโครงการGas Crackerในสหรัฐอเมริกา และโอกาสในการควบรวมและเข้าซื้อกิจการอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ทางบริษัทฯจะสามารถบริหารแผนการเติบโตในอนาคตด้วยผู้บริหารที่มีจำกัดได้อย่างไร
ไอวีแอลมีความสามารถในการบริหารทรัพยากรบุคคลมากขึ้นเนื่องจากมีการลาออกของผู้บริหารในอัตราที่ต่ำ และการได้ผู้บริหารที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในองค์กรจากการเข้าซื้อกิจการอื่น เช่น การเข้าซื้อกิจการ FiberVisions, Old World, Trevira, Wellman เป็นต้น
หลักเกณฑ์การลงทุน
บริษัทฯต้องการอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการใหม่เท่าไร
เพื่อให้อัตราผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในระดับสูง ในการประเมินโครงการใหม่ไอวีแอลจะตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการที่อัตราร้อยละ 15 โดยประมาณ โดยอ้างอิงกับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน
การจัดหาเงินทุน
บริษัทมีการระดมทุนจากการกู้ยืมเงิน (Debt Financing) สำหรับโอกาสใหม่นอกเหนือจากแผนธุรกิจปี 2561 จากไหนบ้าง
ไอวีแอลจะพิจารณาทั้งการออกหุ้นกู้ และ/หรือ การกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงิน ขึ้นอยู่กับตลาดตราสารหนี้ อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศและต่างประเทศ
ราคาของวอแรนต์จะเป็นอย่างไรในตลาดรอง
ราคาตลาดที่แท้จริงของวอแรนต์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อาทิ สภาพตลาด อุปสงค์และอุปทานของวอแรนต์ และ ราคาหุ้นของไอวีแอลดังนั้นจึงไม่สามารถประเมินราคาของวอแรนต์เป็นตัวเลขได้
กลยุทธ์ทางธุรกิจ
ปัจจัยใดบ้างที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัท
บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนและแข็งแกร่ง อันนำมาซึ่งการเติบโตและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม:
- ความมุ่งมั่นและการเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจโพลีเอสเตอร์ โดยบริษัทเป็นผู้ผลิต PET รายใหญ่ที่สุดในโลก และผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ PTA และผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์ และเส้นใย โพลีเอสเตอร์ (Polyester Fibre)
- การมีฐานการผลิตทั่วโลกเพื่อรองรับการให้บริการแก่บริษัทลูกค้าชั้นนำของโลก บริษัทจึงมีข้อได้เปรียบทางด้านการขนส่งที่รวดเร็ว ประกอบกับสินค้าที่ผลิตได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ
- การเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม เนื่องจากบริษัทมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีขนาดใหญ่ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูง การเข้าซื้อกิจการอื่นในราคาที่น่าพอใจ และการรวมตัวด้านการดำเนินงาน (Integrated Operation)
- ทีมผู้บริหารมากด้วยประสบการณ์โดยสามารถยืนยันได้จากผลงานที่ผ่านมาจากด้านการเติบโตและการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ
ลูกค้าและผู้จัดหาวัตถุดิบมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวแผนดำเนินการของบริษัทและการผลักดันตัวเองให้เป็นผู้ผลิต PET?
บริษัทดำเนินธุรกิจโดยมีกลยุทธ์ที่จะ “ดำเนินตามความต้องการของลูกค้า” ซึ่งไม่ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ การเข้าซื้อสินทรัพย์ หรือการพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษก็ตาม ลูกค้าของบริษัทให้ความยอมรับต่อความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ และการนำเสนอบริการที่ดีเยี่ยมจากบริษัท ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้อย่างดี ด้วยความน่าเชื่อถืออย่างสม่ำเสมอ
บริษัทมีความประสงค์ที่จะเข้าทำธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่มสำหรับลูกค้าหรือไม่
บริษัทดำเนินธุรกิจโดยมีกลยุทธ์ที่จะ “ดำเนินตามความต้องการของลูกค้า” ซึ่งไม่ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ การเข้าซื้อสินทรัพย์ หรือการพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษก็ตาม ลูกค้าของบริษัทให้ความยอมรับต่อความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ และการนำเสนอบริการที่ดีเยี่ยมจากบริษัท ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้อย่างดี ด้วยความน่าเชื่อถืออย่างสม่ำเสมอ
ผู้บริหารคาดว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตใน 3-5 ปีข้างหน้าเป็นจำนวนเท่าไหร่ และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นนั้นจะอยู่ในธุรกิจ PET PTA หรือเส้นใยโพลีเอสเตอร์
ตามแผนงาน “Aspiration 2014” กำลังการผลิตของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10 ล้านตัน สำหรับทุกธุรกิจของบริษัทภายในปี 2557 กำลังการผลิตในธุรกิจเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์จะมีอัตราการเพิ่มมากที่สุด ขณะที่กำลังการผลิตในธุรกิจ PET และ PTA จะเพิ่มมากกว่า 2 เท่าของกำลังการผลิตในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทเห็นถึงความเป็นไปได้อย่างมาก และมีความมั่นใจในแผนการนี้ แต่แผนการดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย ตามสภาวะตลาด
ในการดำเนินงานตามแผนงานปัจจุบัน ฝ่ายบริหารได้วางแผนที่จะเพิ่มเติมกำลังการผลิตไว้เท่าใดในปี 2561?
เราคาดว่าจะมีกำลังการผลิตประมาณ 9,305ตัน และมีกำลังการผลิตจากกิจการร่วมทุน 871 ตัน ในปี 2561กำลังการผลิตดังกล่าวเป็นกำลังการผลิตสำหรับแผนงาน ณ ปัจจุบันเท่านั้น ยังไม่รวมถึงโอกาสทางธุรกิจอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นก่อนปี 2561
บริษัทให้ความสำคัญในการเสริมสร้างการเป็นผู้นำตลาดในยุโรปและอเมริกาเหนือหรือการขยายธุรกิจในตลาดเกิดใหม่มากกว่ากัน
บริษัทคาดว่าจะขยายธุรกิจไปยังพื้นที่ที่ลูกค้าของบริษัทมีการเติบโต ดังนั้นบริษัทคาดว่าจะขยายสัดส่วนการตลาดในประเทศที่กำลังเติบโตในทุกๆ สายผลิตภัณฑ์ และเมื่อที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการในจีน นอกจากนี้บริษัทได้แสวงหาโอกาสในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งรวมถึงภูมิภาค BRICs แอฟริกา และตะวันออกกลาง บริษัทคาดว่าจะสามารถทำได้ด้วยการผสมผสานระหว่างการเข้าซื้อกิจการ การลงทุนขยายกิจการในโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว (Brownfield expansion) และ การลงทุนในโครงการใหม่ที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง (Greenfield) นอกจากนี้บริษัทจะมีการขยายธุรกิจในผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ โดยที่จะเพิ่มสินค้าใหม่ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค ลูกค้าสัมพันธ์ และยี่ห้อผ่านการเข้าซื้อกิจการที่ได้คัดเลือกมาแล้ว สำหรับตลาดที่เติบโตแล้ว เช่น ภูมิภาคยุโรปตะวันตก บริษัทคาดว่าจะใช้กลยุทธ์การเพิ่มปริมาณ โดยมุ่งเน้นไปที่การขยายกำลังการผลิตเพียงเล็กน้อยในการผลิต PET และขยายกิจการสู่ธุรกิจ PTA แบบเฉพาะเจาะจง โดยจะเน้นการลงทุนขยายกิจการในโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ทั้งนี้ การขยายธุรกิจดังกล่าวจะต้องมีความสมเหตุสมผลทางด้านธุรกิจ สำหรับในภูมิภาคอเมริกาเหนือซึ่งอาจพิจารณาได้ว่าเป็นตลาดที่เติบโตคงที่แล้ว แต่บริษัทได้ให้ความสำคัญแก่ภูมิภาคดังกล่าวเนื่องจากมีส่วนต่างของ PET ค่อนข้างคงที่แม้จะอยู่ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และมีผลตอบแทนจากเงินลงทุนทั้งหมดที่ใช้ (“Return on Capital Employed: ROCE ”) ที่แข็งแกร่ง โดยการดำเนินงานของบริษัทในภูมิภาคอเมริกาเหนือมี ROCE เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 15
ฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทอยู่ในภูมิภาคใด วิกฤตการณ์ทางการเงินของยุโรปกระทบความสามารถในการทำกำไรของบริษัทหรือไม่
จากข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2553 รายได้ของบริษัทร้อยละ 33 และร้อยละ 39 มาจากทวีปยุโรปและเอเซียตามลำดับ บริษัทมีความเห็นว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินในยุโรปไม่น่าจะมีผลกระทบให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลง จากประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา อัตรากำไรของบริษัทค่อนข้างคงที่แม้ในช่วงที่ภาวะตลาดซบเซา บริษัทเห็นว่ายังคงมีอุปสงค์จำนวนมากทั่วโลกซึ่งรวมถึงในเอเซียและยุโรป และสภาวะอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีต่อบริษัท นอกจากนี้ ตามสัญญาการค้าที่โครงสร้างต้นทุนที่สามารถผลักภาระต้นทุนไปสู่ลูกค้าได้ซึ่งส่งผลดีต่อความมั่นคงของอัตรากำไรของบริษัท ทั้งนี้สัญญาที่บริษัททำกับลูกค้าส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปเป็นลักษณะที่บริษัทสามารถผลักภาระต้นทุนให้ลูกค้าได้ โดยบริษัทจะกำหนดราคาเป็นรายเดือน โดยอ้างอิงจากดัชนีทางการตลาด ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ใช้วัตถุดิบรายใหญ่และมีความสัมพันธที่ดีกับผู้ขายวัตถุดิบ บริษัทจึงสามารถซื้อวัตถุดิบได้ในราคาที่แข่งขันได้อย่างดี ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้บริษัท
ตลาดภูมิภาคใดมีส่วนแบ่งที่มากที่สุด?
รายได้มากกว่าร้อยละ 60 มาจากยุโรปและอเมริกาเหนือ
การเข้าซื้อและควบรวมกิจการ และการขยายกิจการที่มีอยู่เดิม
การเข้าซื้อและการควบรวมกิจการจะยังคงเป็นปัจจัยหลักในการส่งเสริมการเติบโตของบริษัท ในอนาคตหรือไม่ อะไรคือกลยุทธ์ในการเข้าซื้อกิจการของบริษัท บริษัทได้มีการวางเป้าหมายการควบรวมไว้หมดแล้วหรือไม่ คุณสมบัติอะไรบ้างที่บริษัทให้ความสำคัญในการเข้าซื้อกิจการ
หากมีสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ตั้งอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม และสามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม บริษัทก็จะสนใจเข้าซื้อสินทรัพย์นั้นๆ กลยุทธ์ของบริษัทไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้าซื้อและควบรวมกิจการเพียงอย่างเดียว แต่จากที่ผ่านมา การเข้าซื้อกิจการที่มีการศึกษาและวางแผนเป็นอย่างดี นอกจากจะสามารถเร่งให้บริษัทบรรลุถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถสร้างมูลค่าส่วนเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นได้มากกว่าการพัฒนาจากโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ หรือโครงการใหม่ที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง
บริษัทมีรายชื่อของเป้าหมายในการเข้าซื้อและควบรวมกิจการจำนวนหลายราย และบริษัทมีการเจรจาพูดคุยกับกิจการหลายๆ รายพร้อมๆ กัน แต่ถึงอย่างไร บริษัทยึดมั่นในวินัยในการเข้าซื้อและไม่คาดหวังว่าการเจรจาต่อรองจะต้องนำไปสู่การเข้าซื้อกิจการทุกครั้ง บริษัทไม่ได้หวังพึ่งการเข้าซื้อและควบรวมกิจการเพียงอย่างเดียวในการขยายกิจการของบริษัทและโดยทั่วไปแล้ว บริษัทจะไม่รวมแผนการเข้าซื้อและควบรวมกิจการในเป้าหมายของแผนการดำเนินงานระยะยาว หลักเกณฑ์ที่สำคัญที่บริษัทให้ความสำคัญในการเข้าซื้อกิจการก็คือ สินทรัพย์ที่เข้าซื้อนั้นจะต้องมีมูลค่ามากขึ้นภายใต้การบริหารของบริษัทเมื่อเทียบกับการดำเนินงานของเจ้าของเดิม ราคาที่บริษัทจ่ายไปนั้นจะต้องน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการที่บริษัทสร้างขึ้นเองด้วยคุณภาพที่เท่าเทียมกัน กล่าวคือสินทรัพย์จะต้องสามารถทำกำไรเพิ่มให้บริษัทได้ทันที (สำหรับสินทรัพย์ที่ด้อยประสิทธิภาพ) หรือจะต้องสามารถเพิ่มกำไรให้บริษัทได้ภายใน 2 ไตรมาสหลังจากที่บริษัทเป็นเจ้าของ (สำหรับสินทรัพย์ที่ไร้ประสิทธิภาพ)
ปัจจุบันยังมีสินทรัพย์เพียงพอให้บริษัทซื้ออีกหรือไม่ หากผู้ขายทราบว่าการเติบโตของบริษัทขึ้นอยู่กับการเข้าซื้อสินทรัพย์จะทำให้ผู้ขายเสนอราคาขายที่สูงขึ้นหรือไม่
หากมีสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ตั้งอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม และสามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม บริษัทก็จะสนใจเข้าซื้อสินทรัพย์นั้นๆ กลยุทธ์ของบริษัทไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้าซื้อและควบรวมกิจการเพียงอย่างเดียว แต่จากที่ผ่านมา การเข้าซื้อกิจการที่มีการศึกษาและวางแผนเป็นอย่างดี นอกจากจะสามารถเร่งให้บริษัทบรรลุถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถสร้างมูลค่าส่วนเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นได้มากกว่าการพัฒนาจากโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ หรือโครงการใหม่ที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง
บริษัทมีรายชื่อของเป้าหมายในการเข้าซื้อและควบรวมกิจการจำนวนหลายราย และบริษัทมีการเจรจาพูดคุยกับกิจการหลายๆ รายพร้อมๆ กัน แต่ถึงอย่างไร บริษัทยึดมั่นในวินัยในการเข้าซื้อและไม่คาดหวังว่าการเจรจาต่อรองจะต้องนำไปสู่การเข้าซื้อกิจการทุกครั้ง บริษัทไม่ได้หวังพึ่งการเข้าซื้อและควบรวมกิจการเพียงอย่างเดียวในการขยายกิจการของบริษัทและโดยทั่วไปแล้ว บริษัทจะไม่รวมแผนการเข้าซื้อและควบรวมกิจการในเป้าหมายของแผนการดำเนินงานระยะยาว หลักเกณฑ์ที่สำคัญที่บริษัทให้ความสำคัญในการเข้าซื้อกิจการก็คือ สินทรัพย์ที่เข้าซื้อนั้นจะต้องมีมูลค่ามากขึ้นภายใต้การบริหารของบริษัทเมื่อเทียบกับการดำเนินงานของเจ้าของเดิม ราคาที่บริษัทจ่ายไปนั้นจะต้องน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการที่บริษัทสร้างขึ้นเองด้วยคุณภาพที่เท่าเทียมกัน กล่าวคือสินทรัพย์จะต้องสามารถทำกำไรเพิ่มให้บริษัทได้ทันที (สำหรับสินทรัพย์ที่ด้อยประสิทธิภาพ) หรือจะต้องสามารถเพิ่มกำไรให้บริษัทได้ภายใน 2 ไตรมาสหลังจากที่บริษัทเป็นเจ้าของ (สำหรับสินทรัพย์ที่ไร้ประสิทธิภาพ)
ปัจจุบันยังมีสินทรัพย์เพียงพอให้บริษัทซื้ออีกหรือไม่ หากผู้ขายทราบว่าการเติบโตของบริษัทขึ้นอยู่กับการเข้าซื้อสินทรัพย์จะทำให้ผู้ขายเสนอราคาขายที่สูงขึ้นหรือไม่
อุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่มีการแข่งขันในลักษณะกระจายตัวมาก คู่แข่งสำคัญของบริษัทคือบริษัทเอกชนที่มีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว หรือ บริษัทเคมีภัณฑ์ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลากหลายและไม่ได้มีโพลีเอสเตอร์เป็นธุรกิจหลัก ทั้งนี้จากการเข้าซื้อกิจการที่ผ่านมาของบริษัท ประกอบกับรายการสินทรัพย์อื่นๆ ที่มีการซื้อขายในตลาด แสดงให้เห็นว่ายังคงมีผู้ที่ประสงค์จะขายกิจการในทั้งสองกลุ่ม ที่สำคัญกว่านั้น บริษัทเห็นว่าปัจจุบันในตลาดมีผู้ที่ประสงค์จะขายธุรกิจมากกว่าผู้ที่ประสงค์จะซื้อจึงทำให้เกิดเป็นตลาดผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทที่จะได้รับโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ในเงื่อนไขที่ได้รับผลประโยชน์ที่ดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด กลยุทธ์ของบริษัทไม่ได้รวมการเข้าซื้อกิจการที่มีนัยสำคัญเป็นเงื่อนไขของความสำเร็จ การเจริญเติบโตของบริษัทไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้าซื้อสินทรัพย์ และบริษัทจะไม่เข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีเงื่อนไขไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับแผนการดำเนินงานปัจจุบันของบริษัท
บริษัทให้ความสำคัญกับการเข้าซื้อกิจการหรือพัฒนาโครงการขึ้นใหม่มากกว่ากัน บริษัทมีการตัดสินใจอย่างไรระหว่างการเข้าซื้อกิจการ การพัฒนาโครงการใหม่ที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง และการพัฒนาโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ
อุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่มีการแข่งขันในลักษณะกระจายตัวมาก คู่แข่งสำคัญของบริษัทคือบริษัทเอกชนที่มีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว หรือ บริษัทเคมีภัณฑ์ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลากหลายและไม่ได้มีโพลีเอสเตอร์เป็นธุรกิจหลัก ทั้งนี้จากการเข้าซื้อกิจการที่ผ่านมาของบริษัท ประกอบกับรายการสินทรัพย์อื่นๆ ที่มีการซื้อขายในตลาด แสดงให้เห็นว่ายังคงมีผู้ที่ประสงค์จะขายกิจการในทั้งสองกลุ่ม ที่สำคัญกว่านั้น บริษัทเห็นว่าปัจจุบันในตลาดมีผู้ที่ประสงค์จะขายธุรกิจมากกว่าผู้ที่ประสงค์จะซื้อจึงทำให้เกิดเป็นตลาดผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทที่จะได้รับโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ในเงื่อนไขที่ได้รับผลประโยชน์ที่ดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด กลยุทธ์ของบริษัทไม่ได้รวมการเข้าซื้อกิจการที่มีนัยสำคัญเป็นเงื่อนไขของความสำเร็จ การเจริญเติบโตของบริษัทไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้าซื้อสินทรัพย์ และบริษัทจะไม่เข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีเงื่อนไขไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับแผนการดำเนินงานปัจจุบันของบริษัท
บริษัทคาดว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่สำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างและโครงการขยายโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนไปจนถึงการเริ่มปฏิบัติงาน ต้นทุนเฉลี่ยและผลตอบแทนต่อเงินลงทุนที่คาดไว้สำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างและโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นเท่าไหร่ บริษัทวางแผนไว้ว่าจะพัฒนาอีกกี่โครงการในสี่ปีข้างหน้า
สำหรับโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างจะใช้เวลาในการพัฒนาประมาณสองปีครึ่งถึงสามปี ขึ้นอยู่กับขนาดและสถานที่ สำหรับโครงการขยายโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจะใช้เวลาพัฒนาประมาณสิบสองถึงสิบแปดเดือน บริษัทจะลงทุนในโครงการที่มีผลตอบแทนจากเงินทุนที่ใช้ทั้งหมด (Return on Capital Employed: ROCE) เฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ในช่วงระยะเวลา 3 ปี จากข้อมูลในอดีต การขยายธุรกิจของบริษัทประมาณครึ่งหนึ่งเป็นการเข้าซื้อกิจการ และอีกครึ่งหนึ่งเป็นการพัฒนาโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง จากข้อมูลในอดีตและโดยเฉลี่ยแล้วบริษัทจะเข้าซื้อกิจการ หรือพัฒนาขยายโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จด้วยต้นทุนประมาณ 450 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่งบประมาณของการพัฒนาโครงการที่ใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างจะอยู่ที่ประมาณ 650 เหรียญสหรัฐต่อตัน บริษัทมีโครงการอยู่สองโครงการซึ่งอยู่ในขั้นตอนการศึกษาที่มีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง โครงการแรกอยู่ที่ประเทศอินเดียและอีกโครงการหนึ่งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง บริษัทคาดว่าโครงการเหล่านี้จะมีข้อมูลชัดเจนมากขึ้นประมาณช่วงกลางปี 2554
ผลกระทบทางการเงินจากกลยุทธ์การเติบโต
บริษัทมีต้นทุนเท่าไหร่ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์ที่ด้อยประสิทธิภาพต่ำ (underperforming assets) นอกจากนี้ บริษัทจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ที่จะปรับปรุง ความสามารถในการใช้อัตราการผลิต (utilization)/ประสิทธิภาพของสินทรัพย์ที่ได้มาดังกล่าวให้มีความสามารถในการผลิต หรือประสิทธิภาพให้ได้เทียบเท่ากับมาตรฐานของบริษัท
โดยปกติแล้ว บริษัทจะรวมต้นทุนในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์ที่ไร้ประสิทธิภาพ (non-performing assets) หรือ สินทรัพย์ที่ด้อยประสิทธิภาพ (under-performing assets) ในการวิเคราะห์ต้นทุนในการเข้าซื้อกิจการของบริษัทอยู่แล้ว ซึ่งเห็นได้ว่าการเข้าซื้อกิจการในแต่ละครั้งจะมีสถานการณ์ต่างกัน แต่ในการประเมินมูลค่า บริษัทจะตั้งสมมติฐานให้ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนในการเข้าซื้อกิจการ บริษัทกำหนดไว้ว่าสินทรัพย์ที่ด้อยประสิทธิภาพ (ได้แก่ สินทรัพย์ที่สามารถทำกำไรได้ แต่จะสามารถทำกำไรได้มากขึ้นโดยการดำเนินงานของบริษัท) ที่บริษัทได้มานั้นจะต้องสามารถเพิ่มกำไรให้บริษัทได้ทันที และสำหรับสินทรัพย์ที่ไร้ประสิทธิภาพ (ซึ่งหมายถึง สินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดการขาดทุน หรือยังมีการใช้อัตราการผลิตที่ต่ำอยู่มาก) ที่บริษัทได้มา จะต้องสามารถเพิ่มกำไรให้บริษัทได้ภายใน 2 ไตรมาสหลังจากที่บริษัทเป็นเจ้าของ
บริษัทมีวิธีในการประเมินประโยชน์จากการรวมตัวทางธุรกิจ (synergies) อย่างไร และประโยชน์จากการรวมตัวทางธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัทคืออะไร
บริษัทไม่ได้รวมประโยชน์จากรวมตัวทางธุรกิจ เช่น การประหยัดต้นทุนจากการซ้ำซ้อนของส่วนงาน (duplication) ที่อาจจะเกิดขึ้นในแผนการเข้าซื้อกิจการของบริษัท อย่างไรก็ตาม ด้วยโครงสร้างของบริษัทซึ่งทำให้บริษัทสามารถเพิ่มสินทรัพย์ที่ตั้งอยู่เพียงลำพัง (standalone asset) โดยไม่ทำให้ต้นทุนในส่วนกลาง (centralized costs) เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนต่อต้นทุนในส่วนกลาง (return on central costs) ของบริษัทเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากการที่บริษัทเป็นบริษัทที่ไปซื้อกิจการอื่นๆ (acquiring companies) จึงเป็นเรื่องปกติที่บริษัทคาดหวังที่จะลดต้นทุนที่ซ้ำซ้อนกันโดยเร็วหลังจากที่ได้ควบคุมกิจการนั้นๆแล้ว ซึ่งต้นทุนในการดำเนินการต่างๆ ดังกล่าวที่เกิดขึ้นได้ถูกรวมในการประเมินมูลค่าในขณะที่มีการกำหนดค่าตอบแทนในการเข้าซื้อกิจการนั้นๆ
เนื่องจากบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง อยากทราบว่าบริษัทได้คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุนส่วนกลางของบริษัทหรือไม่
บริษัทยังคงเป็นองค์กรที่บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการจำกัดต้นทุนส่วนกลาง (limited centralized costs) บริษัทจะยังคงดำเนินงานโรงงานต่างๆ ของบริษัทด้วยการกระจายอำนาจการดำเนินงาน (decentralization) ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยบริษัทไม่ได้คาดว่าจะก่อให้เกิดต้นทุนส่วนกลาง (central costs) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการดำเนินงานแผนงาน “Aspiration 2014”
การเปลี่ยนแปลงในอัตรากำไร เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนของการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจ หรือการเข้าสู่ธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง หรือแค่มาจากการเติบโตในปริมาณการขาย
แม้บริษัทเชื่อว่าอัตรากำไรไม่ใช่ตัววัดเหมาะสมกับบริษัท เนื่องจากโครงสร้างต้นทุนส่วนใหญ่ของธุรกิจของบริษัทเป็นโครงสร้างต้นทุนที่สามารถผลักภาระต้นทุนไปที่ลูกค้าได้ (Pass-through cost structure) แต่บริษัทคาดหวังว่าการผสมผสานของประเภทธุรกิจในอนาคตจะสามารถให้ผลกำไรเพิ่มขึ้น และได้ผลตอบแทนมากกว่า 110 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาและวิจัยที่มากขึ้น ตลอดจนมูลค่าเพิ่มที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของลูกค้าซึ่งเป็นผลมาจากลักษณะธุรกิจที่มีความเฉพาะตัวสูง บริษัทคาดว่าแรงขับเคลื่อนที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการเติบโตของผลกำไรของบริษัทจะยังคงมาจากการเพิ่มกำลังการผลิต ตลอดจนความสามารถในการบริหารจัดการให้โรงงานดำเนินการผลิตได้เต็มกำลังการผลิต และการบริหารจัดการต้นทุนในส่วนกลางสำหรับการบริหารโรงงานต่างๆ ของบริษัทที่มีอยู่ทั่วโลก
กรุณาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับธนาคารพาณิชย์ บริษัทมีแผนที่จะหาแหล่งเงินทุนจากตลาดตราสารหนี้หรือไม่ หรือบริษัทจะยังคงหาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์
บริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยบริษัทมองว่าธนาคารพาณิชย์เป็นคู่ค้าที่สำคัญในการขยายธุรกิจของบริษัท นอกเหนือจากข้อมูลที่บริษัทต้องแจ้งทางเว็บไซท์เป็นประจำแล้วนั้น บริษัทยังได้แจ้งแผนการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจต่างๆแก่ธนาคารพาณิชย์อย่างสม่ำเสมอ หากบริษัทต้องการที่จะหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม บริษัทจะดำเนินการหาแหล่งเงินทุนที่มีเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีนโยบายที่จะกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ และจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระยะยาวกับธนาคารพาณิชย์ต่อไป
บริษัทมีวงเงินกู้กับธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันเป็นมูลค่าเท่าไหร่ วงเงินกู้ดังกล่าวจะครบกำหนดเมื่อไหร่ วงเงินกู้ดังกล่าวมีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับเท่าไหร่ วงเงินกู้ดังกล่าวมีเงื่อนไขและข้อตกลงที่กำหนดในสัญญาเงินกู้หรือไม่ อย่างไร
บริษัทได้รับวงเงินกู้ยืมเป็นจำนวนมากจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้สถาบันการเงินได้ให้วงเงินกู้ยืมแก่บริษัทไว้ประมาณ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อการเข้าซื้อกิจการของบริษัทที่ได้ประกาศแล้ว นอกจากนี้บริษัทยังมีวงเงินพร้อมใช้จากวงเงินเงินทุนหมุนเวียนอีกเป็นจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทมีเงินกู้ยืมระยะยาว โดยมีการชำระเงินกระจายไปในอีก 5 – 6 ปีข้างหน้า เพื่อใช้ในการลงทุนในโครงการและการเข้าซื้อกิจการ ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทจะได้มาจากวงเงินกู้ยืมสำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นและเงินกู้หมุนเวียน (revolving loan) และเงินกู้อื่นๆ ดอกเบี้ยจ่ายส่วนมากเป็นแบบลอยตัว อ้างอิงกับสกุลเงินของเงินกู้ที่เป็นเงินบาท เหรียญสหรัฐ และเงินยูโร นอกจากนี้ในวงเงินกู้ต่างๆได้กำหนดข้อกำหนดทางการเงินมาตรฐานโดยมีระบบในการติดตามการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินนั้นๆด้วย
บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างไร?
บริษัทฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินสำรองทุนในจำนวนที่เหมาะสม การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินปันผลถือเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการบริษัท
บริษัทมีการเพิ่มทุนจากเงินลงทุนในประเทศไทย เพื่อไปซื้อกิจการในต่างประเทศ อยากทราบว่าผู้บริหารจะมีวิธีการจัดการอย่างไรให้เงินลงทุนดังกล่าว กลับมาตอบแทนผู้ถือหุ้น
บริษัทย่อยที่มีการประกอบการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศจะส่งเงินกำไรกลับมายังบริษัทแม่ที่ประเทศไทยผ่านการจ่ายเงินปันผล ทั้งนี้ ในปี 2552 บริษัทได้รับเงินปันผลจากบริษัทย่อย จำนวน 1,232 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 บริษัทได้รับเงินปันผลจากบริษัทย่อยจำนวน 1,055 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทย่อยได้ประกาศที่จะจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทจะได้รับเงินปันผลดังกล่าวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
เนื่องจากบริษัทฯมีการดำเนินธุรกิจอยู่ในหลายประเทศ(Global Business) อยากทราบว่าบริษัทฯมีแผนที่จะนำหุ้นของบริษัทเข้าไปจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในประเทศอื่น คู่กับการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วยหรือไม่?
บริษัทฯไม่มีแผนที่จะทำธุรกรรมใดๆ ในตลาดทุน (equity markets) อย่างไรก็ตาม บริษัทตระหนักว่าอาจมีโอกาสต่างๆ เกิดขึ้นโดยที่บริษัทยังไม่ทราบในปัจจุบัน และถ้าบริษัทตัดสินใจที่จะหาผลประโยชน์จากโอกาสต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นดังกล่าว บริษัทจะต้องมั่นใจว่าบริษัทจะไม่ก่อหนี้เกินกว่าความสามารถของบริษัทเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจจะทำให้บริษัทจำเป็นที่จะต้องออกระดมทุนเพิ่มเติมในตลาดทุน (equity markets) เพื่อนำเงินมาใช้ในการลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมด ปัจจุบัน บริษัทมีความพอใจในการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และราคาหุ้นของบริษัท
ผลการดำเนินงานในปี 2553
ราคาฝ้ายที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมามีผลต่อราคาสินค้าของบริษัทอย่างไร และในความเห็นของบริษัทแล้ว ราคาฝ้ายจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อไปกับธุรกิจของบริษัทในอนาคต
ราคาฝ้ายที่สูงทำให้มีการเปลี่ยนมาใช้โพลีเอสเตอร์มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากโพลีเอสเตอร์เป็นวัตถุดิบทดแทนที่ถูกที่สุดในการผลิตเครื่องนุ่งห่ม หากมองแนวโน้มในระยะยาวแล้วคาดว่าจะมีการใช้โพลีเอสเตอร์เพื่อทดแทนฝ้ายเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งหากมองถึงภาพรวมจะเห็นได้ว่าโพลีเอสเตอร์ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่าเสมอจะมีแนวโน้มที่จะถูกนำมาใช้ทดแทนฝ้ายอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ถึงแม้ว่าราคาฝ้ายจะปรับตัวลดลง แต่การหันมาใช้สินค้าทดแทนก็ยังคงมีอยู่ หากแต่ความเร็วในการเปลี่ยนมาใช้สินค้าแทนอาจจะลดลง จากเหตุผลดังกล่าว อุตสาหกรรมโพลีเอสเตอร์จึงมีมุมมองที่ดีต่อไป บริษัทจึงอยู่ในสถานะที่ดีและพร้อมที่จะเตรียมรับกับความต้องการและกำไรที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่าอุปสงค์ในการใช้โพลีเอสเตอร์และเส้นใย (fibre) จะมีอย่างต่อเนื่องโดยมีสาเหตุหลักมาจากความต้องการของผู้บริโภคจากประเทศจีนที่มีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ทำให้เกิดความต้องการที่สูงขึ้นของสินค้าเครื่องนุ่งห่ม
วัตถุประสงค์ในการใช้เงิน / ผลกระทบต่อฐานะทางการเงิน
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่ได้รับจากการใช้สิทธิของ TSR อย่างไร โครงสร้างเงินทุนของบริษัทภายหลังจากการออก TSR เป็นอย่างไร และโครงสร้างเงินทุนและระดับการก่อหนี้ในระยะยาวที่ผู้บริหารได้ตั้งเป้าหมายไว้เป็นอย่างไร
บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจาก TSR ไปใช้เป็นงบลงทุนสำหรับแผนการลงทุนในอนาคตภายใต้แผน Aspiration 2014 บริษัทคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net debt to equity ratio) ที่ประมาณ 1.0 เท่า ทันทีหลังจากสิ้นสุดการเสนอขาย TSR บริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไว้ที่ประมาณ 1.0 เท่า แม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวอาจมีความผันผวนในช่วงระหว่างไตรมาส ซึ่งระดับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนดังกล่าวเป็นอัตราที่เหมาะสมกับความสามารถในการกู้ยืมของบริษัทในปัจจุบัน
เงินที่จะได้จากการเพิ่มทุน ประมาณ 18,000 ล้านบาทในครั้งนี้ จะสามารถนำไปใช้ได้ภายในกี่ปี และใน 1 ปี บริษัทจะใช้เงินจำนวนเท่าไร และที่เหลือใช้อีกเท่าไร
ตามแผนงาน ”Aspiration 2014” เงินลงทุนที่ต้องการทั้งหมดสำหรับการเติบโตของบริษัท เท่ากับ 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดย 900 ล้านเหรียญสหรัฐได้กำหนดให้ใช้สำหรับรายการที่ได้ลงนามไปแล้ว ในครึ่งปีหลังของปี 2553 ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรก ปี 2554 และเงินลงทุนที่เหลือจำนวน 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ จะใช้ในการลงทุนในระหว่างปี 2554 – 2257 โดยจะมีแหล่งเงินทุนจากการเพิ่มทุนตามสัดส่วนในครั้งนี้ กระแสเงินสดภายในบริษัท และการกู้ยืม
ภาพรวมอุตสาหกรรม
อะไรคือวัตถุดิบในขั้นตอนการผลิตพลาสติกโพลีเอสเตอร์?
วัตถุดิบหลักที่ใช้คือ PX MEG และ PTA ซึ่ง PX จะได้จากการกลั่นน้ำมันดิบและ PX เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต PTA หลังจากนั้น PTA จะถูกใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต PET และผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์อื่นๆ บริษัทในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ซื้อ PX และ MEG รายใหญ่ที่สำคัญ บริษัทจึงได้ประโยชน์จากราคาซื้อวัตถุดิบที่ต่ำ เนื่องจากมีอำนาจต่อรองที่มาจากการซื้อเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ มีความขาดแคลน PTA เนื่องจากกำลังการผลิตไม่เพียงพอ การใช้งานของ PTA มีเพียงแค่การเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกโพลีเอสเตอร์ ทวีปเอเซียเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภค PTA ที่ใหญ่ที่สุด ความต้องการของ PTA ถูกขับเคลื่อนโดยการเติบโตของอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย เช่น PET เส้นใยโพลีเอสเตอร์ เป็นต้น ประกอบกับการที่ยังไม่มีวัตถุดิบทดแทนในกระบวนการผลิตพลาสติกได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนของ PTA และจากราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากบริษัทผลิต PTA ด้วยตัวเองและยังมีการรวมกระบวนการผลิตของ PTA และ PET เข้าไว้ด้วยกัน
ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นมีผลกระทบอย่างไรต่อบริษัท บริษัทจะสามารถผลักภาระต้นทุนจากการขึ้นราคานำมันนี้ไปยังลูกค้าได้หรือไม่
ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องของโพลีเอสเตอร์ จะใช้ระบบผลักภาระต้นทุน (cost pass-through basis) ดังนั้นเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์สูงขึ้นตาม แต่ทว่าอัตรากำไรและส่วนต่างกำไรจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์ เป็นสินค้าที่มีราคาถูกที่สุดในแต่ละประเภทของผลิตภัณฑ์ที่ใช้แทนกันได้ในการผลิต ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบต่อความต้องการ บริษัทได้ทำการจำลองสถานการณ์เกี่ยวกับราคาน้ำมันในระดับต่างๆและไม่พบว่ามีผลกระทบอาจแท้จริงต่อธุรกิจ
ทำไมอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงจึงมีความสำคัญ บริษัททำอย่างไรจึงสามารถรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงไว้ได้ ในขณะที่คู่แข่งเจ้าอื่นไม่สามารถทำได้
ความสามารถดำเนินการผลิตด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงจะสามารถกระจายต้นทุนคงที่ออกไปให้กับจำนวนสินค้าที่ผลิตในปริมาณที่มากได้ ซึ่งทำให้สินค้ามีต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำและอัตรากำไรที่สูง การเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตเพียงเล็กน้อยจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมาก
บริษัทมีความโดดเด่นในการดำเนินการผลิตด้วยกำลังการผลิตที่สูง ซึ่งเป็นผลมาจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและความสามารถในหาลูกค้าที่อยู่ในประเทศที่มีโรงงานผลิตเพื่อที่จะสามารถจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้าในประเทศนั้นๆได้ บริษัทยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าทั่วโลกซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าที่มีอยู่เพื่อเพิ่มความต้องการสั่งซื้อสินค้า และเมื่อบริษัทมีความต้องการสินค้าจากลูกค้า จึงทำให้บริษัทสามารถดำเนินการผลิตด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับที่สูงได้ การรวมตัวระหว่างการผลิต PET และ PTA ทำให้บริษัทสามารถดำเนินการผลิต PTA ในระดับที่เกือบเต็มกำลังการผลิต เนื่องจากการนำ PTA ที่ผลิตขึ้นได้มาใช้ในการผลิต PET ของบริษัท โดยประมาณร้อยละ 50 ของ PTA ที่ผลิตได้จะถูกใช้ภายในบริษัท การที่บริษัทสามารถจัดหา PTA ได้อย่างแน่นอนช่วยให้บริษัทสามารถรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับที่สูงได้เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ผลิต PET รายอื่น แม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่ภาวะปริมาณ PTA ตึงตัว การที่บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่ง PTA ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนที่ถูกและอัตรากำไรที่สูง
ทำไมบริษัทจึงคิดที่จะขยายธุรกิจพลาสติกโพลีเมอร์ ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Koch และ Eastman ต้องการที่จะถอนตัวออกจากอุตสาหกรรม
เหตุผลที่ทำให้บริษัทอื่นคิดที่จะถอนตัวออกจากอุตสาหกรรมนี้ น่าจะเป็นผลมาจากกลยุทธ์ภายในของบริษัทนั้นๆ มิใช่มาจากผลกระทบจากอุตสาหกรรม บริษัทเห็นว่าอุตสาหกรรมพลาสติกโพลีเอสเตอร์มีแนวโน้มที่ดีและเชื่อว่าเป็นอุตสาหกรรมที่น่าสนใจและน่าเข้าไปลงทุนเพิ่ม เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์หลายรายซึ่งมีมุมมองที่ดีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในฐานะที่จะได้รับผลประโยชน์จากโอกาสต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากบริษัทอยู่ในฐานะที่เป็นผู้ผลิต PET รายใหญ่ที่สุดและเป็นหนึ่งในผู้ผลิต PTA และ โพลีเอสเตอร์รายใหญ่ที่สุด ข้อได้เปรียบในการแข่งขันและโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ทำให้บริษัทสามารถประกอบธุรกิจได้เหนือกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรม
ต้นทุนของบริษัทอยู่ในระดับใดเมื่อเทียบกับผู้ผลิต PET และ PTA อื่นๆทั่วโลก
บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมซึ่งเป็นผลมาจากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) จากการดำเนินกิจการในโรงงานขนาดใหญ่ ที่มีประสิทธิภาพ บริษัทยังมีความเชี่ยวชาญด้านการเข้าซื้อสินทรัพย์ในราคาที่น่าสนใจซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายของเงินลงทุน รูปแบบธุรกิจที่มีการรวมโครงสร้างธุรกิจเข้าด้วยกันและการมีโรงงานตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับแหล่งวัตถุดิบหรือผู้จัดหาวัตถุดิบช่วยเพิ่มอัตรากำไรให้สูงขึ้น ความสามารถในการผลิตในอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงซึ่งช่วยให้มีต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ซื้อ PTA ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดสหรัฐอเมริกาและเป็นหนึ่งในผู้ซื้อ PX และ MEG ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทใช้ข้อได้เปรียบนี้เพื่อให้ซื้อวัตถุดิบได้ในราคาที่ดี
แนวโน้มและการขับเคลื่อนหลักของ PET คืออะไร
PET ถูกขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย เช่น ขวดพลาสติก PET และบรรจุภัณฑ์อื่นๆ และความต้องการของผู้บริโภค อุปสงค์ของบรรจุภัณฑ์ที่ทำจาก PET ได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสามารถใช้งานได้ดีกว่าบรรจุภัณฑ์อื่น เช่น แก้ว หรือกล่องกระดาษเตตร้าแพ็ค และยังคงมีเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังคงใช้เป็นสินค้าทดแทน และมีความต้องการที่สูงขึ้น นอกจากที่บรรจุภัณฑ์ที่ทำจาก PET ได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและช่วยยืดอายุของสินค้าที่บรรจุอยู่ภายในบรรจุภัณฑ์ให้นานขึ้นแล้ว ยังจะให้ความสะดวกสบาย เบา และทนทานอีกด้วย ความต้องการของ PET ยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นและคาดว่าตลาดจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปในปี 2554 บริษัทมีกำลังการผลิตและความสามารถในการผลิต PET อย่างมีนัยสำคัญอยู่ทั่วโลกและจะได้รับประโยชน์จากความต้องการและการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้
แนวโน้มและการขับเคลื่อนหลักของ PTA คืออะไร?
PTA ถูกขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย (เช่น PET ผลิตภัณฑ์เส้นใย เป็นต้น) และการขาดแคลนของผลิตภัณฑ์ทดแทนในการผลิตพลาสติกโพลีเมอร์ การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงของราคาฝ้ายจนราคาฝ้ายอยู่ในระดับสูงที่สุดในอดีตที่ผ่านมาทำให้เกิดความต้องการของเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะการขาดแคลนของ PTA อีกทั้งกำลังการผลิต PTA ที่มีอยู่อย่างจำกัดในประเทศจีนและทั่วโลกเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ปริมาณ PTA มีอยู่อย่างจำกัด และราคา PTA ที่เพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่เข้ามา อุปทานของ PTA ยังคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำและความต้องการยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น บริษัทผลิต PTA เพื่อการใช้งานภายในประมาณร้อยละ 50 ของทั้งหมด บริษัทจึงมีแหล่ง PTA ที่แน่นอนสำหรับใช้ในการผลิต PET และโพลีเอสเตอร์โดย PTA ที่เหลือจากการใช้ภายในจะถูกขายให้กับลูกค้า
แนวโน้มของธุรกิจโพลีเอสเตอร์และเส้นใยโพลีเอสเตอร์เป็นอย่างไร?
โพลีเอสเตอร์ยังคงมีแนวโน้มที่ดีและอัตรากำไรยังมีท่าทีว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในอุตสาหกรรมต่อเนื่องของโพลีเอสเตอร์บริษัทมีจุดยืนที่แข็งแกร่งที่จะสามารถได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของความต้องการและอัตรากำไรที่สูงขึ้น การเพิ่มขึ้นของความต้องการของโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ จะมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่มีอย่างต่อเนื่อง
สิ่งแวดล้อม
ขวดพลาสติก PET เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่
วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตขวดพลาสติกได้แก่ PTA และ MEG ซึ่งผลิตโดยปราศจากผลกระทบในทางลบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม การผลิตเส้นใยก็มีกระบวนการผลิตที่สะอาดและไม่มีอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และมีการปล่อยสารคาร์บอนในระดับต่ำ
PET เป็นวัตถุดิบที่สามารถนำกลับมาผลิตใหม่ (Recycle) ฟื้นฟูให้กลับมาใช้งานได้ (Recover) และสามารถนำมาใช้ใหม่ (Reuse) ด้วยการนำเข้ากระบวนการล้างแบบธรรมดาเพื่อให้ได้ผลึกพลาสติกโพลีเมอร์ที่ล้างแล้ว (Mechanical Recycling) หรือการใช้กระบวนการทางเคมีเพื่อแตกตัว PET ให้เป็น oligomers หรือขั้นต้นของ monomers terephthalic acid และ ethylene glycol (Chemical Recycling) ผลิตภัณฑ์ขั้นกลางเหล่านี้จะถูกทำให้บริสุทธิ์และผ่านกระบวนการ Repolymerise ให้เป็นเม็ดพลาสติก PET ใหม่ หากการรีไซเคิลพบว่าไม่คุ้มค่า PET จะสามารถนำไปเผาให้เกิดเป็นพลังงานได้
ในการฝังกลบ PET มีความเสถียรและมีความเฉื่อย และไม่มีการซึมละลายหรือมีความเสี่ยงต่อน้ำบาดาล ขวดจะถูกบดเพื่อให้มีขนาดเล็กและใช้พื้นที่น้อย และโดยทั่วไปจะเพิ่มความเสถียรให้กับพื้นที่ที่ใช้ฝังกลบ
โรงงานที่ใช้ในการดำเนินงานของบริษัทย่อยได้รับการรับรองตามมาตราฐาน ISO 9001 ISO 14001 และ OHSAS 18001 นอกจากนี้ AlphaPet ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ยังได้เริ่มโครงการการนำ PET กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง (PET Recycling Project)
กำหนดจ่ายเงินปันผล
เงินปันผลสามารถนำไปเครดิตภาษีได้หรือไม่
บริษัทฯ จะทำการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ หลังหักภาษีและทุนสำรองต่างๆ ตามกฎหมาย เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้เกือบทั้งหมดมาจากเงินปันผลของบริษัทย่อย ดั้งนั้น บริษัทฯ จะต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ ตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด ยกเว้นในกรณีดังต่อไปนี้
- ผู้ถือหุ้นที่เป็นบริษัทจดทะเบียน
- บริษัทที่ถือหุ้นเกินกว่า 25% โดยมีระยะเวลาการถือหุ้นเกินกว่า 6 เดือน
หมายเหตุ: ผู้ถือหุ้นไม่สามารถอ้างสิทธิ์ในการขอคืนภาษีจากการหัก ณ ที่จ่าย จากกรมสรรพากรได้ เนื่องจากเงินปันผลดังกล่าวเป็นการจ่ายออกจากรายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษีของบริษัทฯ