Press Release
อินโดรามา เวนเจอร์สเดินหน้าลงทุนสร้างโรงงานรีไซเคิลและธุรกิจเทคโนโลยีชั้นสูงในไทยและอินโดนีเซียมุ่งเน้นความยั่งยืนพร้อมลดปริมาณก๊าซคาร์บอน
กรุงเทพฯ -10 สิงหาคม 2554 - บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ผู้ผลิตในห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์แบบครบวงจรชั้นนำระดับโลก ประกาศเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยด้วยการสร้างโรงงานรีไซเคิลแห่งใหม่ที่ จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรี้ส์ บริษัทลูกที่ผลิตเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ โครงการใหม่นี้จะนำขวดพลาสติก PET ที่ทิ้งหรือผ่านการใช้งานแล้ว มารีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงที่นำไปใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ สำหรับเครื่องดื่ม เส้นด้ายสำหรับสิ่งทอพรีเมี่ยมของตราสินค้าที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเส้นใยสีสำหรับรถยนต์และผลิตภัณฑ์เส้นใยที่ไม่ได้ทออื่นๆ
การลงทุนในครั้งนี้ของบริษัทฯ จะสามารถรองรับการรีไซเคิลขวดพลาสติก 36,000 ตันต่อปีซึ่งสามารถนำไปผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลได้ถึง 28,500 ตัน โดยมี 'วงษ์พาณิชย์' บริษัทเอกชนชั้นนำในการคัดแยกขยะจะนำส่งขวดพลาสติก PET ไปยังโรงงานในจังหวัดนครปฐม เพื่อทำการรีไซเคิล
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า 'ในขณะที่หลายๆบริษัท มีการดำเนินงานในการรีไซเคิลโพลีเอสเตอร์ มีผู้ผลิตเพียงไม่กี่รายที่สามารถผลิตสินค้ารีไซเคิลที่มีคุณภาพสูงสำหรับ การใช้งานที่เป็นพรีเมี่ยมและตรงตามความต้องการของผลิตภัณฑ์รีไซเคิลในตลาด อินโดรามา เวนเจอร์สได้เปิดตัวแบรนด์ ECORAMA ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลและเมื่อเร็วๆนี้ ยังได้รับตราสัญลักษณ์ฉลากเขียว (Green Label) จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (Thailand Environment Institute หรือ TEI) ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 4/2555 และคาดว่าโครงการนี้จะสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทได้เป็นอย่างดี
เพื่อเป็นการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อินโดรามา เวนเจอร์สมีแผนที่จะลงทุนในโครงการ Gas Engine ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีมูลค่ากว่า 6.7 ล้านเหรียญสหรัฐ 'การลงทุนในครั้งนี้สอดคล้องกับคำมั่นของเราด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวด ล้อม โดยโครงการพลังงานนี้จะทดแทนการใช้เชื้อเพลิงเหลวด้วยพลังงานที่มาจากก๊าซ ธรรมชาติที่มีความสะอาดมากกว่าและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ประมาณ 8,000 เมตริกตัน ต่อปี' นายโลเฮียกล่าว 'บริษัทฯ คาดว่า โครงการทั้งสองนี้จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นเพื่อแนวทางแห่งความยั่งยืนและการรีไซเคิลซึ่ง เป็นพันธกิจหลักของเรา'
อินโดรามา เวนเจอร์สคาดว่าจะลงทุนต่อเนื่องในตลาดภายในประเทศด้วยโครงการเส้นใย สังเคราะห์ผสม (Bi-component Fibers) เพื่อนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์สิ่งทอเพื่อสุขอนามัย บริษัทฯ มีบทบาทในตลาดวัสดุเส้นใยที่ไม่ได้ทอ (Non-woven Materials) และเพิ่มกำลังการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ผสมในยุโรปด้วยการเข้าซื้อ กิจการTrevira ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย เช่น ผ้าอ้อมเด็ก แผ่นอนามัยสำหรับสตรี เป็นต้น ผลิตภัณฑ์สิ่งทอเพื่อสุขอนามัยเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงใน การผลิตและยังต้องอาศัยผู้ผลิตชั้นนำที่มีความใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการ โครงการใหม่นี้จะผลิตวัสดุทีเป็นองค์ประกอบหลักด้วยการใช้เทคโนโลยี จากบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านเส้นใยสังเคราะห์สำหรับผลิตภัณฑ์สิ่งทอเพื่อ สุขอนามัย ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 16,000 ตันต่อปี โดยตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในไตรมาสที่ 2/2555
นอกจากนี้อินโดรามา เวนเจอร์สยังมีการลงทุนในโครงการเชิงกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อผลิตเส้นด้ายสังเคราะห์ผสม (bi-component yarns) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความพิเศษในอุตสาหกรรมเส้นใยด้วยการเข้าซื้อโรงงาน Indorama Ventures Indonesia (IVI) หรือ SK Keris เดิม ในตาเงรัง (Tangerang) ประเทศอินโดนีเซีย โดย IVI เป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ใช้ในการผลิตเส้นด้าย สังเคราะห์ผสม (bi-component yarns) หรือที่เป็นที่รู้จักในชื่อ FINNE ผ่านการผลิตแบบขั้นตอนเดียว ทำให้บริษัทฯ มีความได้เปรียบเหนือบริษัทอื่นๆที่มีการผลิตแบบสองขั้นตอน รักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในกลุ่มธุรกิจนี้
นายอาลก โลเฮีย กล่าวว่า 'ผลิตภัณฑ์นี้ยังไม่มีคู่แข่งในตลาดและยังไม่มีการตอบสนองความต้องการในตลาด เราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ชื่อว่า FINNE หรือ INOV เพื่อส่งเสริมความเป็นผู้นำเหนือคู่แข่งขัน เนื่องจากความได้เปรียบด้านต้นทุนและลักษณะเด่นเหนือผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น ผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์พิเศษที่ได้รับความนิยมในเสื้อผ้าชั้นนอก มีสัมผัสและความรู้สึกในการสวมใส่ที่มีลักษณะพิเศษที่คู่แข่งน้อยรายที่ สามารถทำได้ ดังนั้นจึงมีโอกาสในการเติบโตสูง โครงการ bi-component และโครงการ FINNE จะทำให้อินโดรามา เวนเจอร์สมีผลกำไรและรายได้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยรักษาความมั่นคงต่อความผันผวนของราคาวัตถุดิบ'
'เราคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 1/2556 โดยมีมูลค่าการลงทุนในไทยและอินโดนีเซียกว่า 85 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯตามแผนการเติบโต Aspiration 2014 ของเรา' นายโลเฮียกล่าว
เกี่ยวกับ อินโดรามา เวนเจอร์ส ประเทศไทย
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย (ตัวย่อใน Bloomberg คือ IVL. TB) ผู้นำการผลิตโพลีเอสเตอร์ครบวงจรในประเทศไทย ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย, ยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยผลิตภัณฑ์ได้รองรับความต้องการในการใช้อย่างหลากหลายรวมทั้ง อาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องใช้ในครัวเรือน สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ ยานยนต์ เครื่องนุ่งห่ม และสินค้าอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทได้แก่ PTA, เม็ดพลาสติก PET และเส้นใย โพลีเอสเตอร์ ซึ่งจัดจำหน่ายไปทั่วโลก IVL มีพนักงานประมาณ 7,996 คนทั่วโลกและมีรายได้รวมในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ